ศพหญิงในถุงดำฝั่งลาว ยังตรวจสอบไม่ได้ เป็น ผอ.อ้อย หรือไม่

วันที่ 20 สิงหาคม 2560 ที่ บริเวณจุดชายแดนอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เชื่อม 3 แผ่นดินไทย กัมพูชา และลาว ซึ่งเรียกว่า สามเหลี่ยมมรกต ที่ทางขึ้นอยู่ฝั่งประเทศไทย ที่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนจากภูธรจังหวัดศรีสะเกษ, ภูธรกันทรลักษ์ น้ำยืน เจ้าหน้าที่ทหารพราน เจ้าหน้าที่ตรวจค้นหาวัตถุระเบิด OED เจ้าหน้าที่ตรวจตระเวนชายแดน ร่วมทั้งชาวบ้านจากบ้านซำเม็ง ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้พยายามลุยต่อการค้นหาร่างของ ผอ.อ้อย หรือ นางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน ผอ.กองการศึกษาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบลชำ อำเภอกันทรลักษ์ นับตั้งแต่หายตัวไปเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 จนบัดนี้ยังไม่พบตัว
ซึ่งล่าสุดที่ได้ทราบข่าวจากฝั่งประเทศลาว ว่า พบถุงดำห่อศพของหญิงสาวลักษณะผมยาว ถูกโยนทิ้งลงหน้าผา ฝั่งประเทศลาวซึ่งห่างจากจุดที่จอดรถได้ประมาณ 300 เมตรนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ขอเข้าประเทศเพื่อที่จะเข้าไปขอตรวจสอบ ขณะนี้ยังไม่ได้รับความร่วมมือในการข้าวเข้าไปยังจุดที่มีกระข่าวว่าพบศพในถุงดำแต่อย่างใด เป็นการยืนยันออกมาจากฝั่งประเทศลาวว่า บริเวณนั้นยังไม่ปลอดภัยต่อการค้นหา เป็นเส้นทางลักลอบการขนส่งไม้เถื่อน และสิ่งของผิดกฎหมาย มีวัตถุระเบิดวางฝั่งไว้เป็นจำนวนมาก และเจ้าหน้าที่ยังไม่รับรองความปลอดภัยทีมที่จะเข้าไปตรวจสอบค้นหา จึงยังไม่ได้ให้เข้าไป
ทำให้ทีมค้นหาได้เพียงค้นหาร่องรอยตามเส้นทาง และป่าบริเวณยังฝั่งประเทศไทย เพื่อหาสิ่งบ่งชี้อย่างอื่น ที่อาจจะยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ยังฝั่งลาวได้ว่า ศพที่พบในถุงดำอาจจะเป็น ผอ.อ้อย ที่ประเทศไทยกำลังหาอยู่ก็เป็นได้ แต่การประสานขณะนี้ยังไม่เป็นผล ทำให้ทางฝั่งพ่อบุญเลิศ นางแหลม พ่อแม่ของ ผอ.อ้อย และบรรดาญาติๆ เป็นกังวลเป็นอันมาก รอหวังดูว่าจะเป็นร่างของผอ.อ้อยหรือไม่
ขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้ทางญาติๆ ของ ผอ.อ้อย ได้มีเสียงบ่นหลักเข้ามาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเฉพาะที่สถานีตำรวจภูธรกันทรลักษ์ ที่ได้รับแจ้งความคดีรถยนต์หาย และอาจจะถูกฆาตกรรม ผอ.อ้อย ว่า ทำงานล่าช้า ไม่ติดตามอย่างจริงจัง จากเดิมที่เคยแจ้งความคนหายไว้ที่สถานีตำรวจบึงมะลู แต่คดีฆาตกรรม ได้แจ้งที่เขตพื้นที่ สภ.กันทรลักษ์ ทำให้ มีคำสั่งย้ายผู้กับสถานีตำรวจภูธรกันทรลักษ์ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ภูธรจังหวัด เป็นระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2560 นั้น แท้จริงแล้ว เป็นการย้ายเพราะสาเหตุ โรงพักไม่สะอาด ห้องส้วมไม่สะอาด ไม่มีผู้ดูแลรักษาความสะอาด เจ้าหน้าที่เข้าเวรแต่งกายไม่เรียบร้อย ไม่รับแจ้งความทาง 191 ขาดการบริหารงานที่ดีของผู้กำกับ เท่านั้น ยืนยันยังไม่เกี่ยวกับคดี ผอ.อ้อย หายตัวไปแต่อย่างใด