แต่ถ้าเป็นสื่อเอกชนสิ่งสำคัญคือความเป็นอิสระของกองบรรณาธิการรวม ถึงนักข่าวจะมีหลักในการพิจารณาเองว่าจะเลือกทำข่าวใครหรือไม่อย่างไร ดังนั้นควรรู้ว่าขอบเขตของตัวเองควรอยู่แค่ไหนเพราะนานาประเทศเขาเรียนรู้เรื่องการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
"ผมคาดเดาว่าการที่สื่อหลายสำนักให้ความร่วมมือเพราะอาจมีประเด็นที่ต้องการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอลเข้ามามีส่วนในการตัดสินใจหรือไม่มีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกันหรือไม่ ก่อนหน้านี้มีการเรียกร้องให้ออก มาตรา44 เพื่อเปิดทางให้มีการคืนช่องกับกสทช.จะไม่รับฝากก็ไม่ได้หรืออาจจำเป็นต้องทำตาม ดังนั้นสื่อเองต้องกลับมาทบทวนด้วยว่าตัวเองทำหน้าที่อะไรเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ภาครัฐหรือเปล่าหรือมีความเป็นอิสระทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ถูกต้อง" นายมานะ กล่าว
ดร.มานะ กล่าวอีกว่า กรมประชาสัมพันธ์ไม่มีอำนาจหน้าที่สั่งการใดๆต่อสื่อทั้งสิ้นขึ้นอยู่กับสื่อเองจะเข้มแข็งเพียงพอหรือไม่กับการยึดถือเสรีภาพในการทำหน้าที่ถ้าตัวเองยอมตามเขา ก็หมายความว่าคุณก็ขายเสรีภาพตัวเองไป ถ้าเป็นแบบอีกหน่อยคงมีอะไรมาขอความร่วมมืออีกเยอะ
เมื่อถามว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ชี้แจง ไม่ได้บังคับสื่อในเรื่องดังกล่าวให้อิสระในการทำข่าว แต่ขอแค่ให้นำมาออกอากาศผ่านช่องเอ็นบีทีด้วย นายมานะ กล่าวว่า "มันตลกงัย เอ็นบีทีก็คือทีวีดิจิตอลของรัฐทำไมไม่ไปซื้อโฆษณาหรือเวลาของทีวีช่องอื่นๆ จะมาขอความร่วมมือทำไม เรื่องนี้สะท้อนกรอบความคิดของผู้เกี่ยวข้องว่าความเข้าใจการทำงานของสื่อว่ามีมากน้อยแค่ไหนเข้าใจเรื่องเสรีภาพสื่อมากน้อยแค่ไหน"