เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุในไร่อ้อย พบร่องรอยการต่อสู้ที่ทางเท้าเป็นทางแยกในไร่อ้อย และมีเส้นผมของผู้เสียหายตกอยู่ และห่างออกไปอีก 15 เมตร พบในร่องป่าอ้อยมีรอยลากเป็นทางยาว และทราบว่าผู้ก่อนเหตุ คือ นายฉัตรชัย จึงได้ไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักมาสอบสวน พร้อมของกลางเสื้อผ้าและมีดที่ใช้ก่อเหตุ
ส่วนผู้ต้องหาหื่นรายนี้ ให้การอ้างว่าหน้ามืด เดินเล่นผ่านไปเจอเหยื่อพอดี ได้นั่งคุยกันปกติธรรมดา แล้วพากันเดินมาส่ง แต่ตนเกิดหน้ามืดมีอารมณ์ทางเพศ ได้อ้อมไปกอดเหยื่อด้านหลัง แต่เหยื่อไม่ยอม ดิ้นรนขัดขืนต่อสู้ เล็บข่วนที่คอผู้ต้องหา จนเหตุการณ์ตรึงเครียด ช่วงเวลานั้น ผู้ต้องหาบอกว่ากลัวเหยื่อจะไปแจ้งความกับตำรวจจึงใช้มีดถางหญ้าซึ่งเป็นมีดของเหยื่อหล่นอยู่ที่พื้น ฟันไปที่ใบหน้า 1 ครั้ง จนแก้มขวาเหวอะหวะตั้งแต่ริมฝีปาก ผ่านใบหูไปถึงท้ายทอย อย่างน่าสยดสยอง ตนคิดว่าเหยื่อเสียชึิวิตแล้ว จึงลากไปทิ้งไว้ในป่าร่องอ้อย อำพรางไม่ไห้ใครเห็น ก่อนกลับบ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่มาจับกุม
ผู้ต้องหารายนี้ให้การต่อว่า เดิมมีอาชีพรับจ้างขับรถบรรทุกช่วงหลังไม่มีงานขับรถ จึงมาสมัครเป็นลูกจ้างเทศบาลตำบลวังยาง มีภรรยาและมีลูก 6 ขวบ 1 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ญาติผู้เสียหายและเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน จำนวน 50 คน ได้มามุงรออยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะคิดว่าเจ้าหน้าที่จะนำผู้ต้องหามาทำแผน ญาติบางคนอยู่ในอารมณ์โกรธแค้น หวังประชาทันฑ์ โดยมีญาติผู้ต้องหามาที่เกิดเหตุด้วย จึงถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ทั้งหมดแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนที่จะมีเรื่องรุนแรง
ทั้งนี้ญาติและชาวบ้านเชื่อว่า ผู้ต้องหาวางแผน ก่อนที่จะลงมือพยายามข่มขืนเหยื่อ เพราะในป่าอ้อยไม่ใช่สถานที่เดินเล่น จึงมีความโกรธแค้นที่คนบ้านเดียวกันกลับคิดชั่วและถึงกับคิดฆ่าปิดปากจากความหื่นของตัวเอง.