นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนได้รับทราบข้อมูลเป็นภาพถ่ายจากประชาชน อ.ป่าซัง จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า มีเจ้าที่ทหารเข้าไปในเขตชุมชน พร้อมอาวุธครบมือ แล้วก็กระจายกำลังเหมือนพื้นที่ดังกล่าวมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น มีทั้งเดิน นั่งเล็งปืน และเข้าไปสอดส่องบ้านเรือน พวกตนไม่ทราบว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นการดำเนินการ เพื่อเป็นแรงเสียดทานให้กับประชาชน นั้นเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุไปหรือไม่ จึงอยากจะได้รับคำชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้ด้วยตนไม่ได้กล่าวหาว่าไปกดดันประชาชน แต่ในพื้นที่ จ.ลำพูนไม่ได้มีสถานการณ์ที่ร้ายแรงแต่อย่างใด
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ตนเห็นการทำงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ต่อกรณีดังกล่าวพบว่าตื่นตัวสุดขีดในการตรวจสอบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใช้งบประมาณของรัฐพาประชาชนเดินทางมาให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 25 ส.ค.นี้ ตนได้ชี้แจงไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ไม่มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไหนจะดำเนินการเช่นนั้นได้ เพราะมีกฎหมายมีระเบียบการใช้งบประมาณ และขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ยืนยันเช่นกันว่าไม่มี ก็อยากให้สตง. ตรวจสอบและแถลงต่อประชาชนว่า หน่วยงานรัฐทั้งหลายได้ใช้งบประมาณในการเคลื่อนไหวทั้งหมดที่จะไม่ให้ประชาชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้งบประมาณไปแล้วทั้งหมดเท่าใด และเป็นการใช้งบประมาณที่ชอบด้วยกรอบของกฎหมายหรือไม่ สตง.จำเป็นต้องแสดงให้เห็นเพื่อที่จะได้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับเรื่องนี้
"ถ้าบอกว่าวันที่ 25 ส.ค.นี้ ผมไม่ไปท่านก็คงไม่เชื่อ ผมเลยจะต้องไปให้กำลังใจส่วนบุคคล ยืนยันว่าไม่มีทั้งบนดิน และใต้ดินที่จะไปเชิญชวน หรือปลุกระดมใครเข้ามา มันเป็นเรื่องที่เปิดเผยตรงไปตรงมา และเป็นเรื่องของสุภาพบุรุษระหว่างกันได้ แต่สิ่งที่ผมเห็นเมื่อใกล้วันพิพากษาน.ส.ยิ่งลักษณ์มาโดยตลอด ซึ่งยังคงเยือกเย็น หนักแน่น และสง่างาม จึงอยากเห็นทุกคนทุกฝ่ายได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษในการปฏิบัติต่อตัวจำเลย หรือพี่น้องประชาชนทุกข้างทุกฝ่ายผมเห็นว่าถ้าหากใครที่จะมาให้กำลังใจคงไม่คิดที่จะสร้างความรุนแรง ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับความจริงว่าน่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งไม่ให้กำลังใจมาในพื้นที่ของศาลด้วย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยมาดูแลด้วย" นายณัฐวุฒิ กล่าว