svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

นายกฯมอบนโยบายทำงบประมาณ

16 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"นายกฯ" มอบนโยบายจัดทำงบฯปี 62 ย้ำ มองความต้องการในพื้นที่ให้สอดคล้องแผนพัฒนาประเทศตามกรอบ ไม่ใช่เอาแต่เงินถมเพราะแก้ปัญหาได้ไม่ยั่งยืน

          16 ส.ค.60-"นายกฯ" มอบนโยบายจัดทำงบฯปี 62 ย้ำมองความต้องการในพื้นที่ให้สอดคล้องแผนพัฒนาประเทศตามกรอบ ไม่ใช่เอาแต่เงินถมเพราะแก้ปัญหาได้ไม่ยั่งยืน"ชี้" ยุทธศาสตร์ชาติต้องอยู่ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่

          ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรัรกษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนา และมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ที่เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ และการปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ในวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกคนตื่นเต้นไปกับตนเหมือนเช่นทุกครั้งที่พูดถึงการจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร ทุกคนควรสำนึกอยู่เสมอ การเดินหน้าของประเทศต้องอาศัยส่วนราชการ และภาครัฐบริหาร และใช้จ่ายงบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นไปตามความต้องการของประเทศ และศักยภาพที่มีอยู่ เราจึงจำเป็นต้องร่วมมือในทุกภาคส่วนด้วยพลังประชารัฐ และอย่าลืมว่าประเทศเรามีคนหลายกลุ่ม หลายพวก หลายฝ่าย ทำอย่างไรที่จะให้คนเหล่านี้เดินหน้าไปสู่วิสัยทัศน์ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทำให้ประเทศมีที่อยู่ในสังคมโลกในจุดที่เหมาะสม

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราทำงานด้วยกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 วงรอบ 5 ปี โดยมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปขึ้นมาแล้ว และจะมีการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาอีก ถือเป็นกลไกในการทำงานเพื่อให้เกิดเป็นรูปธรรม ทั้งนี้นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ และนโยบายสำคัญ รัฐบาลได้ประกาศ และเดินหน้ามาครบ 3 ปี มีการทำงานประสานสอดคล้องมาตลอด แต่ยังต้องพัฒนาให้ดีขึ้นต่อไป ไม่ว่าตนจะอยู่หรือไม่ก็ตาม ทุกอย่างต้องเดินหน้าตามกรอบที่วางไว้ รวมทั้งพร้อมที่จะปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ รวมถึงปัจจัยภายใน และภายนอกประเทศ นอกจากนี้รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระดับโลก เราจะต้องทำให้ประเทศไทยมีเกียรติภูมิอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีบนเวทีโลก เช่นการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ปัญหาทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้ไขและพัฒนา มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยที่สำคัญจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ซึ่งเกือบทุกประเทศได้เพิ่มการค้าการลงทุนกับไทย

           

นายกฯมอบนโยบายทำงบประมาณ

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง ทั้งการบริหารจัดการภาครัฐ ระบบราชการ ขอให้ทุกคนปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน เพื่อนำพาประเทศให้ก้าวทันกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยขั้นแรกต้องนำพาประเทศไปสู่การมีรายได้ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามสำหรับการใช้จ่ายงบประมาณของประเทศ เรายังคงต้องใช้งบประมาณภาครัฐ และรัฐวิสาหกิจเป็นตัวนำพาไปในช่วงแรก ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงจุดอ่อนของการบริหารจัดการภาครัฐ คือขาดการบูรณาการในมิติต่าง ๆ อย่างแท้จริง จึงพยายามส่งเสริมให้บูรณาการในด้านต่าง ๆ ตามมิติพื้นที่ แต่ก็ยังเชื่อมโยงได้ไม่แท้จริง รัฐบาลสนับสนุนให้มองการพัฒนาพื้นที่เป็นระดับภาค ซึ่งปัจจุบันเราได้กำหนดเป็น 6 ภาค ดังนั้นงบประมาณไม่ว่าจะเป็นด้านใด ก็จะต้องมองศักยภาพของภาคโดยรวม ต้องประเมินตัวเลขจีดีพี รายหัว รายจังหวัด เพราะปัจจุบันยังมีความแตกต่างในเรื่องของรายได้แต่ละพื้นที่ค่อนข้างมาก เห็นได้จากการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย มีถึง 14 ล้านคน หลังคัดกรองแล้วน่าจะเหลือประมาณ 12 ล้านคน โดยประเมินรายได้ ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อปี เฉลี่ยต่อเดือนแล้วอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยรายได้ต่อเดือนควรอยู่ที่ 3-4 หมื่นบาท แต่มันทำไม่ได้ เพราะแม้แต่ข้าราชการยังมีรายได้ไม่ถึง จึงต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ผู้ที่มีรายได้น้อยมีรายได้สูงขึ้นในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้ง 6 ภาค ดังนั้นจะต้องเร่งการพัฒนาโดยเร็ว

          "ทำอย่างไรที่จะทำให้การพัฒนา และรายได้ถึงมือประชาชนทุกคน ถ้ามัวเอาโครงการ และงบประมาณไปใส่เป็นก้อน ๆ เฉพาะกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ โดยไม่มองมวลรวมทั้งหมด ทุกอย่างก็จะเป็นไปไม่ได้ ไม่มีวันเพียงพอ ถมเท่าไรก็ไม่เต็ม เพราะโครงสร้างไม่ได้แก้ปัญหา พื้นฐานก็ยังเหลื่อมล้ำ และไม่ใช่ทุกภาค ทุกจังหวัดจะเสนองบประมาณมาแบบเดียวกัน เพราะส่วนกลางไม่สามารถจัดสรรให้ได้ ผู้ว่าฯ ต้องเข้าใจว่าอะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง และวันนี้งบประมาณจังหวัดก็ได้รับจัดสรรไปมากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นผู้ว่าฯ ทุกคนจะต้องตอบคำถามผมให้ได้ว่า จังหวัด และภาคของท่านควรพัฒนาไปในทิศทางใด"นายกฯ กล่าว


มั่นใจ 5 ปีแรกเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ ประเทศเข้าที่-มีทิศทาง ย้ำทำงบประมาณต้องนึกถึงประชาชน

            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การจัดสรรงบประมาณจะต้องมีมิติด้านความมั่นคงด้วย ขอให้หน่วยงานต่างๆนำไปคิด ว่าแต่ละพื้นที่ทั้งระดับภาคและระดับจังหวัด วางภาระกิจของตัวเองอย่างไร ให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ โดยทั้งหมดได้เขียนไว้ในกรอบยุทธศาสตร์ชาติแล้ว และคิดว่ากรอบที่วางไว้ไม่มีอะไรผิด เป็นสิ่งที่ควรทำให้เป็นบรรทัดฐาน เพื่อเป็นแนวทางในการเดินต่อไปข้างหน้า คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่จะกำกับดูแลในช่วง 5 ปีแรก เชื่อว่าช่วง 5 ปีแรกทุกอย่างจะเข้าที่ โดยประเทศเริ่มมั่นคงและมีทิศทาง ทั้งนี้การดำเนินการต่างๆต้องสร้างความเข้าใจร่วมกับประชาชนอย่าคิดเองอย่างเดียวไม่เช่นนั้นจะถูกประชาชนต่อต้าน หากรัฐไม่ร่วมมือกับประชาชนสิ่งที่จะทำก็จะไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะจัดสรรงบประมาณอย่างไรก็ตาม                    

          

นายกฯมอบนโยบายทำงบประมาณ


ชี้ยุทธศาสตร์หลักต้องเชิดชู-ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังมีมากว่า 1,000 ปี 

           พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่ายุทธศาสตร์ความมั่นคงที่สำคัญที่สุดคือสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งถือเป็นองค์กรสำคัญเป็นหนึ่งในหลักของประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่เราต้องเคารพเทิดทูนและรักษาไว้ยิ่งชีวิตสำหรับเราเป็นข้าราชการ เป็นรัฐมนตรี ต้องเพิ่มประชาชนเข้าไปให้อยู่ในใจ เพราะเราปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ประวัติศาสตร์ชาติไทยมีมาเกือบ 1000 ปีมีพระมหากษัตริย์มาตลอด ฉะนั้นหน้าที่ของพวกเรา สิ่งแรกจะต้องเชิดชูสถาบันด้วยความจงรักภักดีปกป้องรักษาพระบรมเดชานุภาพไม่ได้เราต้องหนักแน่นวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเยอะ

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และวันนี้จะเปิดวีดีทัศน์ ที่อยู่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงพระราชทานให้มาเมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา เพื่อจะให้เห็นว่าพระองค์ทรงใช้คำว่าสืบสานรักษาและต่อยอดสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงทำอะไรไว้และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระองค์ทรงสืบทอดสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงทำไว้พวกเราทุกคนต้องสานต่อสิ่งเหล่านี้ ตามแนวทางที่ส่งพระราชทานไว้ซึ่งไม่ได้มีอะไรผิดเลยทั่วโลกยังได้นำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ ขณะเดียวกันบนเวทีสหประชาชาติและทุกการประชุมวันก็ได้นำแนวทางดังกล่าวไปถ่ายทอดทุกครั้งซึ่งทุกคนก็ยอมรับ วันนี้รัฐบาลได้สรุปออกมาแล้วว่าจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้างซึ่งมีถึง 8-9 กิจกรรม ซึ่งไม่ใช่เฉพาะด้านการเกษตรเพียงอย่างเดียว

         

นายกฯมอบนโยบายทำงบประมาณ


เผยสถาบันทรงเมตตาไม่อยากลงโทษปชช.คดีหมิ่นอภัยโทษ-นิรโทษกรรมมาตลอดเตือนระวังผิดกม. ลั่นรัฐบาลเป็นผู้ออกกม.ต้องปกป้องสถาบัน

          "เรื่องการตรวจสอบกระทำความผิด อะไรก็แล้วแต่ผู้ที่เผยแพร่สิ่งที่ไม่เหมาะสมวันนี้สถาบันทรงพระเมตตาทรงรับสั่งเสมอว่าไม่อยากให้ประชาชนต้องถูกลงโทษด้วยเรื่องเหล่านี้ซึ่งประชาชนบางคนก็รู้กฎหมาย แต่ก็พยายามจะทำอยู่เหมือนพยายามที่จะต่อต้านกฎหมายซึ่งก็คือกฎหมายฉบับหนึ่งเหมือนฉบับอื่นๆ และพระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานอภัยโทษ นิรโทษกรรมมาโดยตลอดแต่ก็ยังมีคนพยายามจะทำอยู่ผมก็ไม่เข้าใจ ว่าสถาบันไปทำอะไรให้เดือดร้อน ผมพยายามจะคิดแบบที่เขาคิด แต่ก็คิดไม่ออก คิดไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นไม่เข้าใจเหมือนกัน ฉะนั้นให้นึกถึงว่าพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตามาตลอดพระองค์ท่านไม่อยากให้มีการลงโทษอะไรต่างๆ ซึ่งกฎหมายนี้พระองค์ท่านไม่ได้เป็นคนออกแต่ทุกรัฐบาลเป็นคนออกกฎหมายนี้มา เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอให้เข้าใจด้วยพระองค์ท่านใช้กฎหมายไม่ได้ พระองค์ท่านพระราชทานอำนาจทั้ง 3 อำนาจมาให้รัฐบาลเป็นผู้บริหาร เราก็ต้องปกป้องพระองค์ท่าน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เราต้องสร้างความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับพระราชกรณียกิจรวมทั้งเร่งขยายผลโครงการตามแนวพระราชดำริ ตามหลักการทรงงานของพระองค์ท่านทุกพระองค์


ขอ ปชช.เสพโซเชี่ยลแบบคนพัฒนาแล้ว ขอบคุณช่วยตรวจสอบ วอนอย่าตัดสินแทนศาล

            พล.อ.ประยุทธ กล่าวอีกว่า เรื่องการปฏิรูปกลไกการบริหารประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นคงทางการเมืองให้สามารถขจัดคอร์รัปชั่นมีกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นวันนี้สังคมเปลี่ยนแปลงเยอะระบบโซเชี่ยลมีเดีย กว้างขวางใครจะเขียนหรือนึกอะไรก็ได้แต่อยู่ที่เราว่าจะเชื่อแค่ไหน เรามีหลักคิดหลักการของตัวเองในการอ่าน เสพ และเชื่อหรือไม่นั่นคือความแตกต่างคนที่พัฒนากับคนที่ยังไม่พัฒนา ต้องให้เขาพัฒนาไปด้วยกันโดยมีหลักคิดพื้นฐานที่ไม่สร้างความขัดแย้ง ไม่ทำให้เกิดปัญหา 

             "วันนี้ข่าวในโซเชี่ยลมีเดีย หรือข่าวทุกช่องทุกคนทำหน้าที่เป็นตำรวจกันหมดโอเคถือว่าดี แต่อย่าไปตัดสินเอง วันนี้จากการตามเป็นตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่เองแล้วยังไปเป็นศาลตัดสินทุกอย่างอันนั้นผิดอันนี่โน้น อันนี้ใช่หรือไม่ใช่ สรุปเลยทำให้ปั่นป่วนกันไปทั้งหมด ที่ประชาชนมาเฝ้าระวังถือเป็นเรื่องเดียวต้องขอบคุณแต่ก็ขอให้แจ้งมาตามช่องทางเพื่อนำไปสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อให้เกิดการตัดสินตามกระบวนการยุติธรรมผมไม่เคยไปก้าวล่วงสักคำที่ผ่านมาหน้าที่ของรัฐบาลคือนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมส่วนจะติดตัวถูกไปสู้กันที่ศาลซึ่งก็มีทนายสามารถอุทธรณ์ได้ มันรังแกกันไม่ได้ อย่างไรก็ตามวันนี้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งซึ่งหน้าเข้าใจแต่ยังไม่พอใจที่สุดอย่างที่ผมบอก มันมีการจุดชนวนติดเชื้อต่างๆขึ้นมาอีกมากมายทุกวันตื่นเช้ามาก็เจอแล้ว เปิดโทรทัศน์ก็เจอบางเรื่องมันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องนำมาขยายความหรือต้องนำมาสร้างความขัดแย้งเพิ่มแต่ก็ไปกันใหญ่โตแล้วที่เราจะทำในวันนี้ไม่ได้รับความสนใจเพราะเป็นเรื่องที่ไกลตัวประชาชนมากเกินไป หันไปสนใจเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งอยู่ทุกวันถ้าเป็นต้นไม้เขาเรียกว่าสนใจแต่กระพี้ ซึ่งเป็นแค่เปลือกนอกของต้นไม้โดยไม่สนใจว่าเนื้อไม้คือต้นไม้จากอะไร กระพี้พอโตขึ้นไปด้วยสมัยกลายเป็นปุ๋ย ไม่ต้องสนใจแก่นของมันประโยชน์ของต้นไม้ด้วย เช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้รักษาป่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องให้ความรู้ให้มาก ต้องเข้าใจว่าประเทศประกอบด้วยแผ่นดิน พื้นน้ำ อากาศ และคน จึงเรียกว่าประเทศ ถ้าทั้ง 3 อย่างไม่เข้มแข็ง ประเทศนั้นก็อ่อนแอ อยู่ม่ได้ แต่วันนี้ประเทศไทยยังแข็งแรงอยู่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

            

นายกฯมอบนโยบายทำงบประมาณ

              พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การขจัดปัญหาคอรัปชั่นที่สื่อรายงานข่าวว่า แก้ปัญหาได้ดีการทุจริตคอรัปชั่นไม่เพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ลดลงมันดีหรือเปล่าตนไม่รู้ เรื่องการแก้ปัญหาคอรัปชั่นถ้าจะให้ได้ 100% อยู่ที่ผู้ให้และผู้รับอยู่ที่เจ้าหน้าที่เรียกหรือเจ้าหน้าที่ไม่เรียกก็ดันเสนอให้เขาและต้องการอำนวยความสะดวก ต้องงการทำสัญญาเข้ามา พอเข้าไม่ได้ก็ไปฟ้องคนที่ได้ซึ่งก็เป็นแบบนี้มาตลอด จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องหาทางแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรจะโทษกันไปมาคงแก้ไม่ได้ ไม่ได้โทษข้าราชการโดยกลุ่มธุรกิจ เพราะวันนี้กลุ่มธุรกิจดีๆที่มาร่วม พลังประชารัฐ ถึง 12 กลุ่มก็ถูกต้านกันไปมาจนเสียหายหมด

           

นายกฯมอบนโยบายทำงบประมาณ


ย้ำพลิกฟ้า-แผ่นดินปฏิรูปทันทีไม่ได้

          นายกฯ กล่าวว่า กระบวนการยุติธรรมต้องเข้มแข็ง มีการถ่วงดุลกันให้ได้ หลายคนต้องการแบบไหน ไม่ใช่ถ่วงกันไปมาจนทำอะไรไม่ได้อีกเหมือนเดิม  ต้องถ่วงในทางสร้างสรรค์  มีระบบการตรวจสอบ คนต้องการปฏิรูปทหาร ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปกฎหมาย แต่ต้องเข้าใจว่าจะปฏิรูปอย่างไร ทุกคนพูดว่าปฎิรูปบูรณาการ แต่เข้าใจแค่ไหนอย่างไร  ไม่ใช่พลิกแผ่นดิน พลิกฟ้าไปอย่างนั้น มันไม่ได้ แต่ทำอย่างไรให้ดีขึ้น มีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับการแก้ปัญหาภาคใต้เห็นหลายอย่างดีขึ้น โดยใช้การเมืองนำการทหาร วันนี้เรากำลังเดินก้าวยุทธศาสตร์พัฒนาภาคใต้ ไม่ใช่สั่งโครมๆ แล้วจบไม่ได้ เพราะความขัดแย้งสูง และมีประเด็นการเมือง มีประเด็นโลกด้วย แต่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาคใต้มากที่สุด ที่การจัดทำงบฯต้องรับรู้ต้องคำนึงความแตกต่างทางวัฒนธรรม ให้ตรงอัตลักษณ์ของเขา ส่วนการศึกษาต้องเน้นให้พูดภาษาไทยให้แตกฉานขึ้น กระทรวงศึกษาธิการต้องหาวิธีสอนให้ง่ายขึ้น ขณะที่การสอนของการศึกษานอกโรงเรียน(กศน.)ตนให้ความสำคัญ ต้องเน้นผลงานให้เห็น ไม่ใช่ให้เขามาว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่ออก เขียนหนังสือไม่ได้ แล้วจบไปได้อย่างไร

กร้าวทหาร-ตร.เอี่ยวค้ามนุษย์ลงโทษหมด

               นายกฯกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว และการค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย สะสมมา 20 ปีแล้ว แตะก็ไม่ได้มีปัญหาเศรษฐกิจ เราต้องปรับปรุง สองฝ่ายหันหน้าหากัน รัฐบาลจะอำนวยการความสะดวก ให้เวลา ตอนนี้ก็เงียบเหงา พอใกล้เดือนธ.ค.มาอีกแล้ว ท่านต้องเคารพกฎหมาย คนมาอยู่ด้วยจำนวนมากโดยไร้การควบคุมจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นต้องมีมาตรการลดความเสี่ยงเหล่านี้ รัฐบาลทำทุกอย่าสง ต้องลำบากบ้างในช่วงนี้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาสังคม อาชญากรรม การค้ามนุษย์ ซึ่งวันนี้ก็มีอยู่ ไม่ว่าใครทั้งนั้น พลเรือน ทหารถ้าเกี่ยวข้อง ต้องถูกลงโทษเห็นไหมลงโทษ 26 ปี ตนปกปิดใครที่ไหน ทหารหรือตำรวจลงโทษหมด ข้าราชการ พลเรือน ไม่ว่าวินัยหรืออาญาผิดแค่ไหนก็ตามนั้น 

             วันนี้ออกพ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ซึ่งแน่นนอนว่าต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งหนึ่ง ไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนกเรื่องการถูกปรับ แสดงว่าผิดตั้งแต่วันนี้เลยกล้วถูกปรับ ถ้าทำถูกจะกลัวอะไร ใครมาเรียกร้องผลประโยชน์มาบอกรัฐบาล แจ้งตนก็ได้ จะลงโทษให้ ขณะนี้กำลังปรับดูอยู่ลงโทษอย่างไรเหมาะสม ทำให้รอบคอบ โทษเดียวกันหมดบางทีก็ไม่ได้ เพราะคนละความผิดกัน ทำให้เกิดความแตกต่าง โทษเดียวกันไม่ได้ ดูต่างประเทศด้วย ถ้าเราทำให้ถูกต้องแต่ต้นมันก็จบ แต่วันนี้เละไปหมด จดก็ไม่จดไม่ขออนุญาต ก่อให้เกิดคอร์รัปชันเรียกผลประโยชน์ เป็นเรื่องคุณธรรม จริยธรรมของผู้ประกอบการ ถ้าทำได้ บริษัทที่ขี้โกงขนแรงงานขึ้นรถตู้เข้ามาก็เลิกไปเอง ถ้าทำได้ไม่เสียเงินเสียงทอง แต่นี้ไปมุ่งหวังได้แรงงานราคาถูกแล้วจะแก้อย่างไร

ขอปชช.อย่าห่วงต่างด้าวแย่งงาน ย้ำไทยต้องพึ่งแรงงานเพื่อนบ้าน สั่งแก้ลดสนามบินแออัด ชี้ต้องพัฒนาให้เชื่อมต่อทั่วโลก หวังแอร์บัส-โบอิ้งแวะซ่อมเครื่องบินที่ไทย ฉะคนขวางโลกแขวะรัฐบาลหลังกทม.จัดอันดับเมืองท่องเที่ยวใช้งบน้อยเหตุมัวต่อคิวสนามบิน-รถติด

            นายกฯ กล่าวว่า วันนี้แรงงานที่มาทำงานมาจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเขากำลังพัฒนาอยู่ เมื่อเขาพัฒนาเต็มที่เขาก็กลับประเทศแล้วเราจะทำยังไงกัน ขอให้ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะมาแย่งงาน เขาไม่แย่งเราเพราะเขายังไม่พร้อม แต่ใน 4-5 ปีเขาก็จะพัฒนาและพ้นไปจากตรงนี้ ตนจึงบอกว่าใน 5 ปีเราจะทำอย่างไรเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อดึงคนเหล่านี้ให้เข้ามาทำงานในประเทศและในกิจการและในฐานะผู้ประกอบการ รวมถึงแรงงานมีฝีมือที่จะเข้ามาช่วยเราในส่วนนี้ เราต้องยอมรับกันไม่เช่นนั้นจะไปไม่ได้ ในระยะแรกจะต้องมีคนมาช่วยเราที่เราจะกำหนดว่าจะให้เขาอยู่แค่ไหนอย่างไร เราต้องเตรียมการในเรื่องเหล่านี้ วันนี้เราต้องดูเรื่องวีซ่าด้วย ตนขอให้คนไทยอย่ากีดกันเขา อย่ากลัวตกงานเพราะงานมีมากถ้าคนเราจะทำ ไม่ต้องกลัวเพราะประเทศเราต้องพึ่งพาแรงงานอยู่แล้ว

           พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในหลายสนามบินต้องพัฒนา มีการรองรับผู้โดยสารมากขึ้น เพราะปัจจุบันแออัดมากและเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอวันนี้ตนได้สั่งการแก้ไขปัญหาเรื่องความคับคั่งในบางเวลา ซึ่งทำให้ดีขึ้น เหลือบางสนามบินที่ยังมีขนาดเล็กอยู่ ถามว่าจะต้องลงทุนอีกเท่าไร ก็ต้องลงทุนมหาศาลเหมือนกัน อย่างไรก็ต้องลงทุนเพราะทั้งหมดอยู่แผนงาน เราต้องทำให้สนามบินของเราสามารถใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการรบินได้ เช่น การซ่อมเครื่องบินเพราะมีเครื่องบินทั้งโลกมาที่ไทยหลายร้อยสายการบิน ถ้าเขาสามารถมาซ่อมที่ไทยได้ก็ดี วันนี้ทั้ง 2 ค่ายอยากมาลงทุนที่ไทยคือแอร์บัสและโบอิ้ง ถ้าเขาเห็นว่าเราเหมาะสมเขาก็มา เราก็ต้องพร้อมที่จะดูแล วันนี้เรามีสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภาที่มีขีดความสามารถสูงขึ้นเราต้องมีการประมาณการว่าคนจะเพิ่มอีกเท่าไร พร้อมกับพัฒนาสนามบินเพื่อไม่ใช่ให้ใครเดินทางกลับบ้านแต่เป็นจุดเชื่อมโยงให้สามารถเชื่อมต่อกันให้ได้ ถ้าไม่มีการป้อนและไม่มีการกระจายผู้โดยสารก็ไม่ได้เราจะต้องทำทั้งระบบเพราะต้องทำถนน สนามบิน และรถไฟเชื่อมต่อกัน

            นายกฯกล่าว กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก เพราะสามารถใช้เงินเที่ยวตลอดทริปเพียง 13,000 บาทและใช้เวลาสั้นๆ แต่ได้ครบทุกรส บางคนแทนที่จะชื่นชมรัฐบาล ชมว่าบ้านเมืองสงบปลอดภัยแล้วคนมาเที่ยวกัน แต่กลับมาบอกว่าที่มาใช้เงินแค่นี้ก็เพราะมีเวลาจำกัดและใช้เงินได้แค่นั้น อีกทั้งยังติดอยู่แค่ในสนามบินบนท้องถนน บนรถ ถามว่าพูดแบบนี้มันสร้างสรรค์หรือไม่ มากันทำไมเยอะแยะหลายล้านคน คนไทยไม่มีที่เดินและที่เที่ยวแล้วแถมรถก็ติดอีก ถามว่าคนขวางโลกแบบนี้ก็มี แต่สิ่งเหล่านี้คือรายได้ประเทศ ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วการเก็บภาษีจะมาจากไหน ประชาชนต้องรู้ว่าภาษีมาจากไหนและไปที่ไหน รัฐบาลนี้แหละเป็นคนทำ ทุกคนต้องรู้ว่าภาษีเก็บอย่างไรและนำไปใช้ในโครงการไหน ทุกอย่างอยู่ในเว็บไซต์รัฐบาลทั้งหมด ไม่ได้มีไว้ให้คนจับผิดอย่างเดียว นี่เป็นเรื่องของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนวยความสะดวกที่รัฐบาลควรทำ

ปี 61-62 รบ.จริงจัง ดูแลปชช.กลุ่มล่างให้มากที่สุดเสียงเข้ม ประเมิณหัวหน้าหน่วยงาน ปรับองค์กรประหยัด ลดกระดาษ-พลังงาน 

            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ทุกกระทรวง และสถานที่ราชการ จัดสถานที่ให้ประชาชน มีพื้นที่ขายของ เช่นเดียวกับตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ให้เขาไปคัดเลือกสินคาที่ดีที่สุด กำหนดราคาเองมาขาย เจ้าหน้าที่ก็อำนวยความสะดวก มีกระบะวางของ มีป้ายไว้ให้ สิ่งเหล่านี้ควรทำให้ตนได้ แต่อย่าสร้างใหญ่โต ลงทุนแต่น้อย ให้ประชาชนมีรายได้ขึ้นมาก่อนแล้วค่อยไปลงทุนต่อ ซึ่งตนไม่อยากให้ร้านห้างใหญ่ๆมาขายมากนัก แต่ก็ต้องมี เพื่อลูกค้าอีกระดับได้มาซื้อ แต่ประชาชนกลุ่มล่างต้องมี เพราะเราไปจัดระเบียบพื้นที่เขาก็ไม่มีที่ขาย เราต้องให้เขา สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งได้หรือไม่  หรือสถานที่ราชการในวันหยุดเสาร์อาทิตย์จะทำได้หรือไม่ ตนฝากตรงนี้ด้วย ถ้าทำได้ประชาชนก็จะรักท่านเอง

           "จัดระเบียบให้ได้ ทำความสะอาดให้ได้ ประชาชนจะได้รู้ว่ารัฐบาลนี้จริงจังที่จะช่วยประชาชน ไม่ใช่ว่าดีแต่ลงทุน แล้วจับตามองว่าจะทุจริตอยู่อย่างเดียวมันไม่ได้ ปีนี้เราต้องดูแลประขาชนชั้นล่างให้ได้มากที่สุด ทั้งการค้าการลงทุน ขายปลีก เอสเอ็มอี สาธารณะสุข ปีนี้เท่านั้น 61-62 ถึงจะไปเกิดผล 5 ปีข้างหน้า ใครจะไปใครจะมายังไม่รู้เลย"นายกฯ กล่าว

            นายกฯ กล่าวต่อว่า การพัฒนาเรื่องดิจิตัล ทุกหน่วยงานต้องลดการใช้กระดาษ ย่อแบบฟอร์ม แต่ต้องไม่เสียประโยชน์ หลักการและความมั่นคง ไปทำให้ได้ เป็นนโยบาย นี่คือสิ่งที่ประชาชนต้องการ หลายคนที่สูงอายุม่ค่อยกล้ามาติดต่อราชการเพราะกลัว ความรู้เขาน้อย อ่านเขียนไม่แข็งแรง ทำให้การสื่อสารขาดตอน ทำอย่างไรให้เขาเข้าใจและกล้าเข้ามาติดต่อราชการ อย่าไปกังวลว่าถ้าเขาเข้ามามากแล้วจะเป็นภาระ ถ้าคนไม่พอก็ไปหามาเพิ่ม หรือใช้ระบบดิจิตัลเข้ามาเสริม อย่าไปคิดแต่จะทำเรื่องง่ายๆต้องทำเรื่องยาก แต่ใช้เงินน้อย ลดสำเนาการใช้กระดาษ ลดการใช้จ่ายพลังงาน 

          ทั้งนี้ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าส่วนรัฐวิสาหกิจ บอร์ดต่างๆนอกจากการประเมินในระบบราชการตามเดิมแล้ว ตนจะให้ประเมินใหม่ตามรายคนด้วยว่าใน1ปี หรือ3เดือน จะลดการใช้พลังงานมนหน่วยงานท่านได้เท่าไหร่ ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเกินกันจนเป็นหนี้สินตลอดทุกเดือนมันไม่ได้ แต่ต้องดูว่าลดไปได้เท่าไหร่ เหล่านี้จะประเมินผู้นำหน่วยทั้งสิ้น ตนไม่ได้ขู่ แต่ไม่รู้จะทำยังไงก็ต้องทำอย่างนี้ ตนฝึกทหารอย่างนี้ ถ้าทำไม่ได้รบไม่ได้ก็ไม่ต้องเป็น ต้องทำอย่างนี้ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ไม่เปลี่ยนแปลง ต้องบังคับบ้าง

          นายกฯ กล่าวต่อว่า ข้าราชการทุกคนจะต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงประเทศ คิดใหม่ทำใหม่ คิดอย่างเดิมมันไปไม่ได้ การเป็นผู้นำนั้นมีความภูมิใจไม่ใข่ร่ำรวย ไม่ใข่อำนาจ แต่นำในการเปลี่ยนแปลงแล้วเก็บความภูมิใจนั้นไว้ ว่าเราทำตรงนี้สำเร็จ วันหน้าก็นอนตายตาหลับ ไม่ต้องโอ้อวดกับใคร ทำในองค์กร ในสายงาน รวมหัวกับลูกน้องทำงาน ประชาชนต้องการเรา ต้องทำงานให้มีศักดิ์ศรี เกียรติยศ และต้องเรียนรู้ไปสู่ความทันสมัย คนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ทิ้งกันไม่ได้ ต้องมีการสืบทอด รักษาและต่อยอด ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่ง.

logoline