จนกระทั่ง ต่อมา จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมฯได้นำกำลังออกตรวจบนถนนสายบ้านเหล่าคลองกลาง- บ้านหันทราย มาถึงบริเวณหน้าวัดสระหลวง บ้านเหล่าคลองกลาง ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบรถตู้ต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคอมมิวเตอร์ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียนป้ายเหลือง หมายเลข 32-0841 กทม. ขับมาจากพื้นที่ อ.โคกสูงฯมุ่งหน้าเข้า กทม. ด้วยความเร็วสูง จนท.จึงได้แสดงตัวพร้อมส่งสัญญานให้รถหยุดเพื่อตรวจสอบแต่รถตู้คันดังกล่าวไม่ยอมหยุดพยายามเร่งเครื่องเพื่อขับหลบหนี แต่ จนท.ซึ่งได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วนำรถกระบะมาจอดขวางถนนทำให้รถตู้ไม่สามารถวิ่งผ่านไปได้ จึงร่วมกันเข้าทำการควบคุมไว้ได้
จากการตรวจสอบพบว่ามีนายอุสมาน สูหลง อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/6 ม.7 ต.ตะลุโบะ อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี เป็นผู้ขับขี่ และเมื่อ จนท.เปิดประตูรถเพื่อตรวจค้นถึงกับตกตะลึงเนื่องจากภายในรถตู้มีแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ทั้งนั่งและยืนเบียดเสียดซ้อนกันมาเต็มรถตู้ถึง 32 คน เป็นชาย 19 คน หญิง 13 คน ซึ่งเกินจากที่กฎหมายกำหนดให้บรรทุกได้ไม่เกิน 14 คน และจากการตรวจสอบชาวกัมพูชาทั้ง 32 คน พบว่าไม่มีเอกสารการเดินทางสักคนเดียว จึงควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมรถตู้ของกลางมาทำการสอบสวนที่ ฉก.กรม.ทพ.12 บ้านดงยาง ต.เมืองไผ่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายอุสมาน อ้างว่าเป็นเพียงผู้รับจ้างขับรถตู้ให้นายทุนได้ค่าจ้างขับมารับแรงงานเขมรที่ชายแดน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ไปส่ง กทม.เที่ยวละ 1,500-2,000 บาท เท่านั้น แต่ยังไม่ยอมบอกว่านายทุนชื่ออะไร ส่วนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาทั้ง 32 คน รับสารภาพว่าเดินทางมาจาก จ.กัมปงธม และ จ.บันเตียเมียนเจย ต้องการเดินทางไปทำงานใน กทม. โดยได้เสียเงินค่าเดินทางให้กับนายหน้าชาวเขมรในฝั่งกัมพูชามาแล้วคนละ 3,000 บาท
ต่อมา จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมฯ ได้ประสานไปยังกงสุลใหญ่กัมพูชา ประจำประเทศไทย ซึ่งมีสำนักงานกงสุลฯอยู่ในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มาร่วมซักถาม ร่วมกับ จนท.ฝ่ายไทย เพื่อเป็นข้อมูลและข้อเท็จจริงในการหาทางแก้ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวชาวเขมร ในอนาคตต่อไป
จากนั้น จนท.จึงควบคุมตัวนายอุสมาน พร้อมของกลางรถตู้ฯ ส่งให้ สว.(สอบสวน)สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ดำเนินคดีในข้อหา“ลักลอบนำพาบุคคลต่างด้าวที่รู้ว่าเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เข้ามาในราชอาณาจักร” และ พ.ร.บ.ขนส่ง ส่วนแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาทั้ง32คน จนท.ตม.จว.สระแก้ว ได้นำไปถ่ายภาพทำประวัติพร้อมขึ้นบัญชีดำ ก่อนนำไปผลักดันกลับประเทศที่ด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว