การวางแผนจับกุมสมาชิกในแก๊งอุ่มรีดนักธุรกิจต่างชาติ 8 คน ซึ่งเป็นทหาร 5 นาย หนึ่งในนี้เป็นระดับนายพล คือ พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ที่เหลือ 4 คนเป็นสารวัตรทหารยศจ่า
พร้อมนายตำรวจระดับสารวัตร 1 นาย คือ พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ส่วนพลเรือน 2 คนที่จับกุมได้หนึ่งในนี้เป็นชาวต่างชาติ คือ โก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ และยังเหลือการติดตามจับกุมพลเรือนชาวไทยที่ร่วมขบวนการอีก 2 คน
กลายเป็นข่าวดังและได้รับความสนใจจากทั้งในและต่างประเทศ
ขณะเดียวกันผู้ต้องหาที่เป็นทหารทั้ง 5 นาย ได้ประกันตัวไปแล้ว ส่วนที่เหลือถูกสอบสวนและคุมตัวฝากขังศาลอาญา ถ.รัชดา ระหว่างการสอบสวนนั้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และยังบอกว่าก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้งแต่ไม่มีประวัติอาชญากรปรากฏ...????
สอดคล้องกับวันนี้(11 ส.ค.) มีผู้เสียหายชาวจีนอีก 2 ราย เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาในแก๊งนี้ เพราะเมื่อปี 58 ถูกกลุ่มผู้ต้องหารีดเงินช่วยเคลียร์คดีสามีชาวจีนถูกจับกุมฐานใช้เอกสารปลอมโดยคิดมูลค่าวิ่งเต้นคดีเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ในพื้นที่สน.ห้วยขวาง และปี 59 คดีฉ้อโกงในพื้นที่ สน.วังทองหลางที่กลุ่มคนร้ายแอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้สัญชาติไทยกับผู้เสียหายได้โดยสูญเงินกว่า 750,000 บาท
ข้อสังเกตตามแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้จะพบว่าได้ทำการก่อเหตุกับนักธุรกิจชาวจีน ลักษณะเหมือนล็อคเป้าเหยื่อเป็นนักธุรกิจจีนเป็นหลัก
มีความเป็นไปได้ว่า พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ หนึ่งในผู้ต้องหาปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานสอบสวนประจำกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ น่าจะเป็นผู้ที่มีรายชื่อนักธุรกิจจีนเป็นฐานข้อมูลอยู่แล้ว เพราะต้องดูและทำคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะบุคคลที่เอกสารยืนยันตัวบุคคลที่มาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยไม่เรียบร้อยสมบูรณ์
และนั่นคงเป็นช่องทางให้แก๊งทมิฬนี้เข้าไปขู่บังคับรีดไถเงินได้ง่าย...!!!
อีกข้อสังเกตคือมีสมาชิกในแก๊งเป็นชาวสิงคโปร์ก็เพื่อเอาไว้สื่อสารภาษาจีนกับเหยื่อ เนื่องจากเหยื่อคนล่าสุด สุรชัย แซ่ย่าง แม้จะใช้ชื่อไทยเพื่อประกอบธุรกิจ แต่เขาเป็นคนสัญชาติจีน และใช้ภาษาจีนในการติดต่อสื่อสาร เพราะพูดภาษาไทยไม่ได้
ประกอบกับหลังการจับกุมยังมีชาวจีนอีก 2 รายมาชี้ตัวแก๊งนี้ที่เคยเรียกทรัพย์สินวิ่งเต้นให้สัญชาติไทย จึงทำให้ดูสอดคล้องและมีน้ำหนักว่าแก๊งนี้มีเป้าเหยื่อเป็นนักธุรกิจชาวจีน โดยเฉพาะคนที่ถือเอกสารประจำตัวไม่เรียบร้อย....
หรืออาจเรียกได้ว่า นักธุรกิจแบบเทาๆ อธิบายคือ ธุรกิจสุจริตไม่ผิดกฎหมาย แต่เจ้าของธุรกิจอาจมีปัญหาเรื่องเอกสารยืนยันตัวตน หรืออาจได้มาแบบไม่ถูกต้อง
แม้เจ้าหน้าที่จะทำการเช็กประวัติแก๊งผู้ต้องหาจะไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิด แต่พยานหลักฐานการก่อเหตุครั้งล่าสุดค่อนข้างชัดเจน และผู้ต้องหายังสารภาพกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าทำจริง และก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง
เป็นไปได้หรือว่าเหยื่อรายก่อนๆอาจจะไม่กล้าแจ้งความเอาผิดกับแก๊งคนมีสีแก๊งนี้ เพราะตัวเองก็มีชนักติดหลัง กลัวจะเดือดร้อน จึงปล่อยเลยตามเลย
เชื่อว่าหลังจากนี้คงมีเหยื่อเป็นนักธุรกิจชาวจีนที่โดนข่มขู่ขูดรีดเงิน ใจกล้ามาชี้ตัวเอาผิดอีกหลายกระทง...!!!