svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

แฉแก๊งนายพลสุดแสบรีดเหยื่อจีนปลอมสัญชาติ

11 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แฉแก๊งนายพลสุดแสบรีดเหยื่อจีนปลอมสัญชาติ ขณะ ผบก.ปอศ.สั่ง พ.ต.ท.ร่วมแก๊งออกราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกก.สอบวินัยร้ายแรง

     วันที่11 สิงหาคม พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(ผบก.ปอศ.) กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ตกเป็น1ใน10ผู้ต้องหาอุ้มรีดทรัพย์นักธุรกิจสายการบินชาวไทยเชื้อสายจีน 20ล้านบาท ว่า เบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่วนคดีอาญาก็ว่าไปตามกฎหมาย  เพราะเป็นความผิดส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับองค์กร อีกทั้ง พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ทำนอกเหนือหน้าที่ตัวเอง อ้างตัวเป็นตำรวจกองปราบปรามและ ตำรวจ 191 ไปรีดทรัพย์คนอื่น

     “ เพื่อให้เรื่องนี้เป็นเยี่ยงอย่างจึงได้กำชับให้ผู้ใต้บงคับบัญชาห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเรียกรับสินบนและประพฤตินอกรีตโดยเด็ดขาด หากพบกระทำความผิดและจับได้จะดำเนินทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด โดยส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกับผู้ใต้บังคับบัญชารายนี้ จึงไม่รู้ว่ามีนิสัยใจคออย่างไร” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ระบุ

     วันเดียวกัน ร.ต.อ.ชรินทร์ ประคองสุข รองสว.(สอบสวน) สน.โคกคราม คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จากทั้งหมด 10 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา นายโอภาส ศรียา นายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ ไปฝากขังศาลอาญารัชดา โดยพ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ เดินก้มหน้าตลอดทางและมีการใช้เสื้อคลุมสีดำปกปิดใบหน้าตลอดเวลา ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 2 รายใช้ผ้าเช็ดตัวสีฟ้าปกปิดใบหน้า 

     ด้านนายทรงศักดิ์  วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุมีกลุ่มชายฉกรรณ์ เข้าไปขอพบนายสุรชัย แซ่ย่าง เหยื่ออุ้มรีดค่าไถ่โดยไม่มีหมายค้น แต่เนื่องจากตนเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่และเข้าขอตรวจค้นเรื่องความมั่นคงจึงพาเข้าไปพบนายสุรชัย และเมื่อพบตัวกลุ่มชายฉกรรณ์ได้คุมตัวตนเเละนายสุรชัยพร้อมถอดฮาร์ดิสกล้องวงจรปิดทั้งหมดไปด้วย ก่อนจะพาไปขึ้นรถยนต์ และพาไปที่โรงเรียนย่านดอนเมือง เพื่อไปเจราจากับนายพลทหาร  โดยบอกสาเหตุการจับตัวทั้งคู่มาว่า ทั้งคู่มีเอกสารทะเบียนราฎร์และบัตรประชาชนปลอม จึงเจรจาเรียกเงินค่าไถ่ 20 ล้าน โดยนายพลทหาร ได้ยอมต่อรองเหลือ 2 ล้าน เนื่องจากผู้เสียหายไม่มีเงิน ซึ่งตนและนายสุรชัยได้ให้เงินสด 1 ล้านบาทเพื่อแลกกับการปล่อยตัว ก่อนที่จะโอนเงินเข้าบัญชีนายโอภาส ศรียา อีก 1 ล้านบาทในวันที่ 17 ก.ค.

     นายทรงศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับกลุ่มคนร้ายเป็นการส่วนตัวกับกลุ่มคนร้าย แต่เคยทำธุรกิจร่วมกับหรือไม่นั้นตนไม่แน่ใจว่าไปรู้จักกันตอนไหน เบื้องต้นเท่าที่ทราบ พบว่ายังมีคนตกเป็นเหยื่อที่สภ.พัทยาสูญเงินกว่า 10 ล้านบาทด้วย

     มีรายงานว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และรับว่าก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง โดยขณะที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาอยู่นั้นมีผู้เสียหายชาวจีน 2 ราย เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา โดยคดีแรกเป็นคดีฉ้อโกงในพื้นที่ สน.วังทองหลางที่กลุ่มคนร้ายแอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือให้สัญชาติไทยกับผู้เสียหายได้โดยสูญเงินกว่า 750,000 บาท เมื่อปี 59 ในพื้นที่สน.วังทองหลาง ส่วนอีกคดีเป็นคดีที่คนร้ายอ้างว่าจะช่วยเหลือเรื่องคดีความที่สามีชาวจีนถูกจับกุมฐานใช้เอกสารปลอมโดยคิดมูลค่าวิ่งเต้นคดีเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท ในพื้นที่สน.ห้วยขวาง เมื่อปี 58 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายรายอื่นๆสามารถเดินทางมาแจ้งความได้ที่ สน.โคกคราม

logoline