นายพรสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพ.ศ. ...สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กำหนดให้สนามกีฬาหรือสถานที่ให้บริการด้านกีฬาทุกชนิดเป็นที่ดินอีกประเภทหนึ่ง ที่มีอัตราภาษีที่ดินถูกเป็นพิเศษเพิ่มขึ้นจากที่กำหนดไว้ในมาตรา 34 ในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว หรือกำหนดให้ชัดเจนในมาตรา 51 หรือบทบัญญัติว่าด้วยการลดหรือยกเว้นภาษีที่ดิน โดยให้สนามกอล์ฟและสนามกีฬาอื่นๆทุกชนิดได้รับการลดหรือยกเว้นภาษีที่ดินแทนที่จะให้กระทำโดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
นายพรสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯของสนช. กำลังพิจารณากฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการปฏิรูประบบโครงสร้างภาษีเพื่อออกมาใช้แทนกฎหมายภาษีโรงเรือนและที่ดิน และกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ อย่างไรก็ตาม หากการกำหนดตามที่ร่างพ.รบ.ภาษีที่ดินฯ พิจารณา จะส่งผลให้สนามกอล์ฟเอกชนในประเทศซึ่งมีอยู่ประมาน 300 สนามเศษ ซึ่งแต่ละสนามมีจำนวนที่ดิน 350-450 ไร่ ก็จะเสียภาษีตั้งแต่ 20 ล้านต่อปีขึ้นไปซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าภาษีที่ต้องเสียให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามพ.ร.บ.ภาษีโรงเรือนและที่ดินที่ใช้บังคับอยู่ขณะนี้เกือบ 10 เท่า จะทำให้ไม่มีสนามกอล์ฟเอกชนแห่งใดในประเทศอยู่รอดหรือดำรงอยู่ได้ เนื่องจากยังต้องมีภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกด้วยมากมาย
"ดังนั้น หากยังคำนวณภาษีเช่นนั้นสนามกอล์ฟทั้งหมดก็คงประสบภาวะขาดทุนคงต้องยกเลิกและหันไปใช้ที่ดินสนามกอล์ฟเพื่อการเกษตรกรรมหรือเพื่อกิจการอื่นที่เสียภาษีที่ดินน้อยกว่า"นายพรสิทธิ์ กล่าว