สำหรับซีเกมส์ ปี 2017 ครั้งนี้ที่ประเทศมาเลเซียมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ การที่เจ้าภาพมาเลเซียปรับเกณฑ์อายุจากรุ่นไม่เกิน 23 ปี มาเป็น 22 ปี ถือเป็นการปรับเปลี่ยนในเรื่องเกณฑ์อายุในรอบ 16 ปีของกีฬาฟุตบอลซีเกมส์ จากที่เริ่มกำหนดโควต้าครั้งแรกไว้ที่ 23 ปีในซีเกมส์ ปี 2001 ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งก็เป็นทีมชาติไทยที่สามารถคว้าเหรียญทองในครั้งนั้นมาได้เมื่อช่วงต้น ก.ค.ที่ผ่านมาฝ่ายจัดการแข่งขัน ได้ประกบคู่แบ่งสายออกมาทั้งสองสายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าทีมไทยอยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับอินโดนีเซีย, เวียดนาม, กัมพูชา,ติมอร์ เลสเต้และ ฟิลิปปินส์ ขณะที่กลุ่มเอ มีเจ้าภาพมาเลเซีย,เมียนมาร์ เจ้าของเหรียญเงินปี 2015, สิงคโปร์, ลาวและ บรูไนโดยจะเริ่มทำการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 15สิงหาคม ไปจนถึงรอบชิงเหรียญทอง วันที่ 29 ส.ค.โดยในรอบแบ่งกลุ่มทีมไทยจะประเดิมสนามเกมแรก กับทีมชาติอินโดนีเซียวันที่ 15 ส.ค.เวลา 15.00 น.จากนั้นวันที่ 17 ส.ค.จะพบกับทีมชาติ ติมอร์เลสเต้ ตามมาด้วยวันที่ 20 ส.ค.พบกับกัมพูชา จากนั้นเล่นเกมที่สี่วันที่ 22 ส.ค.กับฟิลิปปินนส์ และ นัดสุดท้ายวันที่ 24 ส.ค.กับทีมชาติเวียดนาม
สำหรับทีมชาติไทย ในทัวร์นาเม้นต์นี้ อยู่ภายใต้การคุมทีมของวรวุฒิ ศรีมะฆะ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทย ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการเตรียมทีมมาเป็นระยะ โดยแฟนฟุตบอลไทยคงได้ชมศักยภาพอย่างชัดเจนของทีมช้างศึกชุดนี้ไปบ้างแล้วในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีรอบคัดเลือก ที่แข่งขันในประเทศไทยช่วงวันที่ 19-23 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทีมไทยคว้าอันดับสองของกลุ่มเอช ด้วยผลงานชนะ 1 เสมอ 2แม้ว่าจะได้สิทธิ์ไปเล่นรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายที่ประเทศจีน แต่ก็ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรถึงฟอร์มการเล่นและรูปแบบแนวทางของทีม
อย่างไรก็ตามทางคุณวทันยา วงษ์โอภาสี ผู้จัดการทีม และ เจนรบ สำเภาดี กัปตันทีมชาติชุดนี้ก็ยังคงมั่นใจว่าทีมจะสามารถคว้าเหรียญทองเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน ได้เนื่องจากมีการเตรียมทีมมาต่อเนื่อง
ทีมฟุตบอลไทยต้องรับความกดดันไม่น้อยในการแข่งขันซีเกมส์นั่นก็เพราะว่านอกจากเหรียญทองที่เป็นสิ่งที่ต้องคว้าให้ได้สถานเดียวแล้ว รูปแบบและฟอร์มการเล่นก็ต้องมีทิศทางที่น่าพอใจเพื่อสามารถไปต่อยอดการแข่งขันในระดับสูงยิ่งกว่าระดับอาเซียน นี่คือความคาดหวังของแฟนบอลไทยและสมาคมฟุตบอลในฐานะผู้ประเมินผลที่มีต่อทีมชาติชุดนี้