ทั้งนี้เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายในกรณีดังกล่าวเกือบ 200 คน ที่ร่วมลงทุนซื้อแพคเกจคอร์สสัมมนาเพื่อการเรียนรู้และการลงทุน กับบริษัทสั้งสองของนายภูดิศ ได้ยื่นคำร้องขอให้ดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษ โดยมี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เป็นผู้รับเรื่อง ลักษณะการหลอกลวงคือ ตั้งแต่ปี 2558 นายภูดิศ เป็นผู้ชักชวนประชาชนให้ลงทุนโดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 30 ต่อเดือน โดยแผนการตลาดจะให้ประชาชนสมัครสมาชิกบริษัทในรูปแบบแพคเกจต่างๆ 5 แพคเกจ ประกอบด้วย แพคเกจวีไอพี ราคา 108,000 บาท แพคเกจพรีเมียม ราคา 36,000 บาท แพคเกจแสตนดาร์ด ราคา 18,000 บาท แพคเกจมินิ ราคา 9,000 บาท และแพคเกจไมโคร ราคา 4,500 บาท แต่ไม่มีสินค้าและแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งหลังจ่ายเงินซื้อแพคเกจครบ 30 วัน จะเริ่มจ่ายเงินปันผลให้ตามสัญญาเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยจะจ่ายทุกสัปดาห์ ในอัตราร้อยละ 7 นอกจากนี้ นายภูดิศ ยังโฆษณาว่าหากชักชวนคนอื่นมาร่วมซื้อแพคเกจด้วยจะได้รับค่าแนะนำร้อยละ 5 และจะได้รับค่าแนะนำเพิ่มมากขึ้นตามลำดับตามอัตราที่ชักชวนมาได้มาก ทำให้ประชาชนหลงเชื่อจำนวนมาก เนื่องจากการลงทุนในระยะแรกมีสมาชิกได้รับผลกำไรตามที่บริษัทโฆษณาจริง
ขณะเดียวกันนายภูดิศยังให้สมาชิกซื้อคอร์สสัมมนา เพื่อมีสิทธิ์เป็นผู้ถือใบหุ้นบุริมสิทธิ์ โดยหลอกสร้างความมั่นใจเพิ่มเป็น 2 เท่า ด้วยการให้ซื้อแพคเกจเหมือนเดิมและจะจ่ายเงินปันผลทุก 7 วัน ตลอด 1 ปี โดยอ้างว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมีผู้เสียหายรวม 4 หมื่นคนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายกว่า 4 พันล้านบาท กระทั่งเดือนก.ค.2559 บริษัทประกาศหยุดจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิก ทำให้ผู้เสียหายถูกหลอกลวงสูญเงินตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงหลัก 10 ล้านบาท