svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

รวบ5โจ๋มีดจี้คอเด็กชิงทรัพย์

09 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไม่รอด !! ตำรวจรวบ 5 โจ๋ใช้มีดจี้คอชิงทรัพย์-ทำร้ายเด็กจนบาดเจ็บ เร่งล่าอีก 1 ที่ยังหลบหนี

           จากกรณีที่สังคมออนไลน์ได้แชร์ภาพ พร้อมข้อความเตือนภัยของอาจารย์ท่านหนึ่งว่า "นักเรียนในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งย่านบางกะปิ ที่สอนอยู่ ถูกทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ บริเวณสะพานข้ามคลองแสนแสบใกล้ตลาดบางกะปิ และเส้นทางเลียบคลองใกล้ท่าเรือวัดศรีบุญเรือง เหตุเกิดช่วงเย็นของวันที่ 4 สิงหาคม ก่อนที่คนร้ายจะลงมืออีกครั้งในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งมีนักเรียนตกเป็นเหยื่อรวม 4 คน 1 ในนั้นถูกคนร้ายใช้มีดปาดคอจนเป็นแผล"

           คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ 9 สิงหาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย ได้เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา คือนายภราดร สุกไกรรัตน์ และนายทนา โตนชัยภูมิ พร้อมของกลางเป็นเสื้อผ้าที่สวมใส่วันก่อเหตุ ก่อนจะขยายผลติดตามจับกุมกลุ่มเพื่อนที่ทำหน้าที่ช่วยนำทรัพย์สินผู้เสียหายไปขายอีก 3 ราย รวมเป็น 5 ราย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สืบทราบว่ามีนายสุเทพ หนูเทศ อีก 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนี

           จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ซึ่งตระเวนจี้ชิงทรัพย์เด็กนักเรียนในพื้นที่บางกะปิ โดยจะเลือกเหยื่อเป็นเด็กนักเรียน เนื่องจากสามารถข่มขู่ได้ง่ายและไม่ต่อสู้ ซึ่งในวันเกิดเหตุได้ลงมือก่อเหตุทั้งหมด 3 ราย และรวมถึงยังได้ก่อเหตุในลักษณะเดียวกันในวันที่ 4 สิงหาคม อีก 1 ราย และทรัพย์สินที่ได้ก็จะนำไปขายยังร้านรับซื้อแห่งหนึ่งในห้างย่านบางกะปิ ก่อนนำเงินที่ได้ไปเที่ยวเตร่

รวบ5โจ๋มีดจี้คอเด็กชิงทรัพย์

           ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตามคำให้การของผู้ต้องหาจนสามารถติดตามโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายได้จากร้านที่ผู้ต้องหานำไปขาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ โดยใช้อาวุธมีด เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บแก่ร่างกายและจิตใจ , ร่วมกันพกพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนในเวลา 08.00 น. โดยวันที่ 9 สิงหาคมนี้ พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาขออำนาจศาลอาญารัชดาภิเษกฝากขังผัดแรก

           พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สน.หัวหมาก ระบุว่า ในส่วนของผู้ต้องหาขณะนี้ได้มีการดำเนินการจับกุมแล้ว 5 ราย ทั้งที่เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ และช่วยนำทรัพย์สินไปขาย ซึ่งได้นำตัวฝากขังที่ศาลแล้ว ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนการป้องกันการเกิดเหตุได้ประสานกับ สน.ลาดพร้าว ที่เป็นพื้นที่รอยต่อ ในการช่วยกันส่งกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาตรวจตราในพื้นที่ เสี่ยงต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมกันนี้ยังฝากถึงร้านรับซื้อโทรศัพท์ ขอให้มีมาตราการในการใช้ใบรับซื้อของเก่า ในการเก็บข้อมูลของผู้ขาย เพื่อป้องกันการตกเป็นส่วนร่วมขบวนการของมิจฉาชีพ

           ด้านเด็กชาย เอ (นามสมมุติ) ระบุว่า ในวันเกิดเหตุช่วงเย็นวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังเวลาเลิกเรียนได้เดินกับเพื่อนอีก 2 คน ไปไหว้ครูที่โรงเรียนเก่า ก่อนจะเดินทางกลับบ้าน เมื่อเดินมาถึงบริเวณใต้สะพานข้ามคลองแสนแสบ ได้มีชายสองคนเดินมาถามเวลาว่ากี่โมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่ได้ถือโทรศัพท์แต่อย่างใด ก่อนจะเดินจากไปแต่ชายทั้งสองกลับมาถามอีกครั้ง แต่เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลาอีกครั้ง ก็ถูกมีดจ่อไว้ที่คอ ขณะที่อีกคนได้ต่อยเข้าที่ใบหน้า ทำให้มีดที่จ่ออยู่บาดเข้าบริเวณลำคอเป็นแผลยาว จากนั้นชายสองคนก็กระชากโทรศัพท์ที่ตนถือไว้ภายในมือไป ก่อนจะบังคับให้บอกรหัสล็อคโทรศัพท์ และพูดเพียงว่า “กูขอนะ” ก่อนจะวิ่งหนีหายไป ส่วนเพื่อนที่เดินมาพร้อมกันไม่ได้ถูกทำร้ายหรือชิงทรัพย์ เพราะได้วิ่งหนีไปก่อน และในเวลาต่อมาได้ไปขอให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุช่วยทำแผลและแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

           ขณะที่ น.ส.สุวลี มารดาของผู้เสียหายระบุว่า ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ โดยเฉพาะช่วงเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ เพราะทำงานอยู่ที่ต่างจังหวัด แต่ทราบเรื่องราวจากตัวลูกชายภายหลังก็รู้สึกตกใจมาก เพราะเป็นเส้นทางที่ลูกชายใช้เดินทางกลับบ้านเป็นประจำ ซึ่งไม่เคยเจอกลุ่มผู้ต้องหา หรือมีเรื่องกันมาก่อน ทั้งที่ลูกชายไม่ได้มีการขัดขืน ยังถูกทำร้ายขนาดนี้ หากใครโดนและต่อสู้จะถูกทำร้ายแค่ไหน ก็อยากขอฝากเตือนให้ประชาชนหรือเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ ที่ต้องใช้เส้นทางจุดเกิดเหตุในการเดินทางขอให้ระมัดระวัง หากเห็นว่าไม่มีคนอยู่ในบริเวณดังกล่าว หรือมีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันในที่เปลี่ยว ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางเพราะอาจถูกทำร้ายเช่นลูกชายตนเอง แต่ขณะนี้พอทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ก็รู้สึกอุ่นใจและขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนอื่นอีก

logoline