"พท."ข้องใจไม่ใช้เบอร์"ผู้สมัครเลือกตั้งแบบเขต"ให้เหมือนกัน

          6ส.ค.60 นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนขอตั้งคำถามถึงกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นคสช. รัฐบาล สนช. กรธ. และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลักดันรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่กำลังจะนำมาใช้ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะเกิดขึ้น ว่า กฎหมายดังกล่าวที่ผู้มีอำนาจกำลังจัดทำและพยายามผลักดันให้เกิดขึ้นนั้น หวังจะให้เป็นเครื่องมือสร้างความเป็นประชาธิปไตยให้ประเทศ สร้างการยอมรับและสร้างความสามัคคี ร่วมมือกัน ให้ประเทศหลุดพ้นจากวิกฤต และกลับคืนมาสู่ความสงบ ความเจริญรุ่งเรืองต่อไปใช่หรือไม่ และสิ่งที่พวกท่านพยายามทำโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่เห็นต่างจากท่านเป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรแล้วหรือ

          นายภูมิธรรม กล่าวว่า การนำระบอบไพรมารี่โหวต เข้ามาใช้เพื่อให้การตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการคัดเลือกบุคคลเป็นผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้งให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อผู้สมัครรายใด ผ่านกระบวนการคัดกรองเบื้องต้นจากสมาชิกพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ให้ความเห็นสุดท้ายว่าจะยินยอมให้เป็นผู้สมัครของพรรคในการเสนอตัวให้ประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้ง พิจารณาเลือกเป็นผู้แทนราษฎรของพรรคในเขตเลือกตั้งนั้นๆหรือไม่ คะแนนที่ ประชาชนมอบให้มาเป็นทั้งคะแนนนิยมส่วนตัวของผู้สมัครแต่ละคนในแต่ละเขตเลือกตั้งและเป็นทั้งคะแนนความนิยมที่ประชาชนมีต่อพรรคการเมืองแต่ละพรรคที่มอบให้แก่ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคด้วยอย่างแยกกันไม่ได้

     
          "ดังนั้น ขอถามว่ามีเหตุผลใดที่จะให้ผู้สมัครของพรรคในแต่ละเขต ไม่ใช้หมายเลขเดียวกันของพรรค เพราะการใช้หมายเลขสมัครเดียวกันทั้งหมด เป็นการสะท้อนระบบพรรคการเมืองและสะท้อนเจตนารมณ์ในการพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันทางการเมืองได้ดีที่สุด ระบบการเลือกตั้งที่จะใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ได้ถูกพวกท่านออกแบบ ให้มีบัตรเลือกตั้งใบเดียว ผู้สมัครแต่ละเขตและผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ล้วนเป็นเสมือนตัวแทนของพรรคการเมืองที่เสนอให้ประชาชนในแต่ละเขตเลือกตั้งพิจารณาเลือก ผู้สมัครทุกคน จึงเป็นตัวแทนของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งชัดเจน มิใช่เป็นปัจเจกบุคคล ตัวใครตัวมันที่ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค การให้ผู้สมัครเป็นเบอร์เดียวกันทั้งพรรคจึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลและไม่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนแต่อย่างใด จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างมีเหตุผล อย่าคิดเพียงว่าท่านมีอำนาจอยากทำสิ่งใดก็ทำได้ เพราะยิ่งไปสนับสนุนให้เห็นว่าท่านมีเจตนาอื่น ที่ไม่เป็นผลดีต่อประเทศโดยรวม" เลขาฯ พรรคเพื่อไทย กล่าว