นายนรชิต แถลงต่อว่า สำหรับผู้ที่ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จะต้องถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.,สมาชิกสภาท้องถิ่น, กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ส.ว., ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงกรรมการองค์กรอิสระ เป็นเวลา 2 ปี หากเป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งใดอยู่แล้ว ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที, ขณะที่การยื่นใบสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งจะต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ 10,000 บาท แต่จะได้คืนครึ่งหนึ่งหากได้รับคะแนนเสียงเกินร้อยละ 5 ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ทั้งนี้การยื่นสมัครต้องยื่นผ่านผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำเขต แต่หากมีกรณีฉุกเฉินหรือเหตุจำเป็นให้ยื่นสมัครผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ได้
"ค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเลือกตั้ง กกต.ต้องหารือกับหัวหน้าพรรคการเมือง แต่หากมีค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ให้พรรคการเมืองรายงานต่อกกต. รับทราบ เพื่อวินิจฉัยว่าจะคิดรวมเป็นค่าใช้จ่ายเลือกตั้งหรือไม่ ขณะที่การหาเสียงผ่านระบบออนไลน์นั้น สามารถทำได้แต่พรรคการเมืองต้องแจ้งต่อ กกต.ก่อนและหากพบการหาเสียง ที่ไม่ใช่เป็นการทำของพรรคการเมืองต้องแจ้งให้กกต.รับทราบเช่นกัน ทั้งนี้ก่อนการออกเสียงลงคะแนนอย่างน้อย 3 วัน ห้ามหาเสียงแบบออนไลน์เพิ่มเติม แต่ยังมีสิทธิ์ส่งต่อได้ ขณะที่การทำแบบสำรวจความคิดเห็นที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งนั้น กกต.ต้องวางเงื่อนไขที่เหมาะสม" นายนรชิต กล่าว
นายนรชิต กล่าวด้วยว่าส่วนการร้องเรียนเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง ให้ยื่นเรื่องต่อกกต. เพื่อวินิจฉั แต่หากคำวินิจฉัยของกกต. ไม่เป็นที่พอใจสามารถอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาได้ ส่วนกรณีที่การทุจริตที่เกี่ยวกับเส้นทางการเงินให้เป็นดุลยพินิจของ กกต. หากกกต. เห็นว่ามีมูลความผิด สามารถส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง) ดำเนินการได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่ กรธ. ได้วางหลักการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. แล้ว จะส่งรายละเอียดให้อนุกรรมการยกร่างบทบัญญัติ เขียนเป็นร่างกฎหมายรายมาตราต่อไป.