svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ศรีวราห์" นำทีมสอบ- ทำแผน 4 คนร้าย แก็งอุ้มรีดทรัพย์ เจ้าของเต้นท์รถมือสอง

04 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ศรีวราห์" นำทีมสอบ-ทำแผน 4 คนร้าย แก็งอุ้มรีดทรัพย์เจ้าของเต้นท์รถมือสอง พบเป็นอดีตทหารออกจากราชการทั้งหมด ขณะที่ผู้ต้องหาตะโกนร้องขอความเป็นธรรม รับสารภาพว่าทำผิด อ้างเหยื่อเป็นพวก18 มงกุฎ ชอบหลอกตุ๋น มีคดีความมากมาย

                เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2560 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.  พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส.4  และ พล.ต.ต.ณัฐแก้ว เมตตามิตรพงศ์ ผบก.ประจำ สนง.ผบ.ตร. ได้เดินทางมาที่ สน.ห้วยขวาง เพื่อติดตามคดีกลุ่มชายฉกรรย์อุ้มรีดทรัพย์เจ้าของเต้นท์รถ โดยได้ร่วมซักถามปากคำผู้ต้องหา ก่อนจะให้นายธนบดี จิตตา อายุ 21 ปี เจ้าของเต้นท์รถ ชี้ตัวยืนยันผู้ต้องหา 4 คน หลังจากถูกจับกุมได้ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยินดีนำชี้ที่เกิดเหตุเพื่อประกอบคำให้การ               พล.ต.ต.ชยพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์  ได้สั่งการให้ตำรวจ สน.ห้วยขวาง เร่งรัดสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ ประทุษร้ายต่อทรัพย์ นายธนบดี จิตตา อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย โดยมีการแอบอ้างเป็นทหาร และตำรวจนอกเครื่องแบบ หน่วงเหนี่ยว กักขัง และทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เข้าข่ายเป็นผู้มีพฤติการณ์ขัดคำสั่ง หัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 ลงวันที่ 29 มี.ค.59 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เหตุเกิดที่ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะสตรีท ถ.รัชดาภิเษก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.60 เวลากลางคืน มาดำเนินคดีโดยเร็ว                พล.ต.ต.ชยพล กล่าวอีกว่า ทางพนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 876/60 ลงวันที่ 2 ส.ค.60 และได้มีการจับกุมตัว นายกัณตพิชญ์ หรือมาร์ค งามเอก อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/218 ซ.รัชดา 36 แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาไว้แล้ว ส่วนผู้กระทำความผิดที่เหลือ พนักงานสอบสวนได้ขอออกหมายจับจากศาลอาญา โดยศาลได้ออกหมายจับไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อมาวันที่ 4 ส.ค เวลาประมาณ 03.00 - 05.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ เพิ่มเติม อีก 4 คน คือ               1. นายอานนท์ สาระสันต์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 191 ซ.สุขุมวิท 62 แขวงบางจาก เขตพระขโนง กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1752/60 ลงวันที่ 3 ส.ค.60 ซึ่งเป็นอดีตพลทหาร               2. นายกฤษณะ หรือต่าย พงษ์สว่าง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/1 หมู่ 5 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1753/60 ลงวันที่ 3 ส.ค.60 ซึ่งเป็นอดีตทหาร ยศร้อยโท             3.นายสุชาติ หรือต้อย นิลศิริโก อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 หมู่ 5 ต.นาคาใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1754/60 ลงวันที่ 3 ส.ค.60              4. นายศุภกร หรือจ่ายุทธ ไชยมี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 999/1 แขวง ทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 1758/60 ลงวันที่ 4 ส.ค.60 ซึ่งเป็นอดีตทหาร ยศจ่า ในความผิดฐาน "ปล้นทรัพย์โดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อการกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพา อาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร"                พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดยกแก็ง  โดยยืนยันเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ไปตรวจค้นหาทรัพย์สินที่ผู้เสียหายถูกประทุษร้าย และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ ส่วนทรัพย์สินของผู้เสียหาย หากพบว่าอยู่กับใครก็ให้ดำเนินการในข้อหารับของโจร และขยายผลต่อไปอีก นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติเบื้องต้นของผู้ต้องหา พบว่ากลุ่มนี้ยังไม่มีประวัติก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว               นายธนบดี กล่าวว่า ทรัพย์สินที่หายไปประกอบด้วยนาฬิกา จำนวน 3 เรือน โน๊ตบุ๊ค 1 เครื่อง กระเป๋าหลุยส์ 1 ใบ กระเป๋าใบใหญ่ 1 ใบ กุญแจรถเบ๊นซ์ กระเป๋าสตางค์ พร้อมเงินสดจำนวน 13,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 4 ล้านบาท ในวันเกิดเหตุนายกัณตพิชญ์ ได้โทรศัพท์นัดตนให้ออกมาพบ เนื่องจากอยู่ในช่วงพิจารณาคดีที่นายกัณตพิชญ์ แจ้งความเรื่องการซื้อขายรถยนต์ ตนไม่ทราบสาเหตุที่นายกัณตพิชญ์ ก่อเหตุดังกล่าวขึ้น เพราะไม่มีเรื่องอะไรโกรธเคืองกัน ส่วนเรื่องรถยนต์ที่ตนรับซื้อรถจากนายกัณตพิชญ์ ในราคาถูก ตนได้มีการชี้แจงกับนายกัณตพิชญ์ ไปเรียบร้อยแล้ว                  ทั้งนี้ ตนรับซื้อรถยนต์มาในราคา 3.3 แสนบาท และได้ขายต่อไปในราคา 4.7 แสนบาท ต่อมาได้มีการเปลี่ยนมืออีกครั้งราคาอยู่ที่ 5 แสนกว่าบาท เป็นเพียงปัญหาเดียวเพราะนายกัณตพิชญ์ ต้องการเงินส่วนที่ยังไม่ได้ตามจำนวนเงินที่เขาคิดว่าจะขายได้                ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปชี้จุดที่มีการพาตัวผู้เสียหายไปรีดทรัพย์ โดยจุดแรกได้ชี้จุดบริเวณทางเข้าห้างเดอะสตีท รัชดา จากนั้นได้ชี้จุดที่นายกัณตพิชญ์ ได้พบกับผู้เสียหายบริเวณทางเข้าร้านสตาร์บัค ชั้น 2 ของห้างดังกล่าว และได้มีการนั่งพูดคุยกัน ต่อมาจึงได้ชี้จุดที่ผู้เสียหาย ได้เดินไปซื้อกาแฟภายในร้าน ก่อนจะถูกกลุ่มผู้ต้องหาล็อคตัว แล้วนำตัวไปขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ โดยใช้เวลา ประมาณ 20 นาที ขณะที่กำลังชี้ในจุดแรกกลุ่มผู้ต้องหาได้ตะโกนขอความเป็นธรรม ระบุว่าฝ่ายตนเป็นผู้ถูกโกง โดยนายศุภกร  หรือจ่ายุทธ ไชยมี หนึ่งในผู้ต้องหา ได้บอกกับสื่อมวลชน ว่า "ผมให้เขาพูดมานานแล้ว ผมรู้ว่าผมผิดที่ทำแบบนี้ แต่คนนี้เป็นพวก18มงกุฎ หลอกคนไปเรื่อย มีคดีความฟ้องร้องมากมายเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์  นอกจากนี้ยังได้บอกให้เสี่ยโป้ให้มาช่วยด้วย เพราะเสี่ยโป้ก็เคยถูกนายธนบดี โกงเงินไปเช่นกัน จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปชี้จุดอื่น             ทั้งนี้ การทำแผนประกอบคำรับสารภาพในครั้งนี้ จะทำด้วยกันทั้งหมด 19 จุด โดยมีจุดสำคัญ 3 จุดใหญ่ จุดแรกบริเวณร้านสตาร์บัค ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าเดอะสตีท ถนนรัชดา ซึ่งเป็นจุดที่นายธนบดี ถูกกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดใส่กุญแจมือ แล้วพาลงมาขึ้นรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เพื่อรูดทรัพย์  จุดที่ 2 คอนโด ภายในซอยพหลโยธิน 66  แขวงและเขตสายไหม กทม. เป็นห้องพักนายธนบดี และเป็นจุดที่กลุ่มคนร้ายบังคับให้มาเอาทรัพย์สิน และจุดที่สามบริเวณหน้าบ้านพักพี่ชายนายธนบดี ภายใน ซ.เพชรเกษม 54 ซึ่งเป็นจุดที่นายธนบดี หลอกกลุ่มคนร้ายว่า ยังมีทรัพย์สินอีกส่วนเก็บไว้ และเป็นจุดที่นายธนบดี อาศัยจังหวะหลบหนีลงมาจากรถ เพื่อขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จนสามารถเอาตัวรอดมาได้

logoline