นางวนิดา กล่าวว่า ลูกสาวตนอยู่กินกับดาบตำรวจนายนี้โดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันที่บ้านพัก และมารู้ภายหลังว่าฝ่ายชายมีลูกและภรรยาอยู่แล้ว จึงได้ระหองระแหงมีปากเสียงกันเป็นประจำ เมื่อตนมาทราบข่าวว่าลูกสาวผูกคอตาย จึงไม่เชื่อ เพราะบนศพมีร่องรอยฟกช้ำหลายตำแหน่งและกระดูกซี่โครงหัก 1 ตำแหน่ง โดยแพทย์โรงพยาบาลกะพ้อที่ส่งศพหลังเกิดเหตุระบุสาเหตุการตายว่า สมองขาดออกซิเจน จากนั้นได้ส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลา ขณะนี้ยังรอผลการชันสูตรอย่างละเอียด และการสืบค้นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเวลาผ่านมานาน 1 เดือนเศษ ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งตนและญาติทราบว่า ดาบตำรวจเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับลูกสาว แล้วลูกมาเสียชีวิตในลักษณะผูกคอตาย จึงต้องการให้นายดาบตำรวจผู้เป็นสามีชี้แจงด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนลูกสาวจะตาย
“เดินทางมาจากสงขลาเพื่อเข้าพบนางปวีณา โดยขอให้ช่วยเหลือทำความจริงให้ปรากฏ หาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาวที่แท้จริง หากมีผู้กระทำให้เสียชีวิตก็ขอให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด หัวอกคนเป็นแม่ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ จากสภาพศพคิดว่าก่อนตายลูกคงเจ็บปวดสุดแสนสาหัสอย่างแน่นอน จึงต้องออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับครอบครัว”
ภายหลังนางปวีณารับเรื่องดังกล่าว ได้ประสานไปยัง พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อที่จะพานางวนิดาและญาติพี่น้องไปพบเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับนางสาวชุติกาญจน์ ผู้ตาย ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ และติดตามผลการชันสูตรศพที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เพื่อดำเนินการต่อไป