แก๊สน้ำตา กลายเป็นอาวุธสังหาร คดีสลายม็อบปี 51
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
เหตุการณ์สลายการชุมนุม ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ช็อคสังคมไทย ด้วยภาพเหตุการณ์ชุมยืดเยื้อ ที่ทั้งตึงเครียดยาวนาน และยาวนาน สุดท้ายจบลงด้วยการบาดเจ็บล้มตาย ที่เกิดขึ้นจากพิษสง "แก๊สน้ำตา" ติดตามรายงานจากโต๊ะข่าวการเมือง
เช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ความขัดแย้งทางการเมือง มาถึงจุดแตกหัก เมื่อมวลชนของพันธมิตรฯ ที่รวมตัวต่อต้านรัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขยายตัวจนคุมไม่อยู่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง , พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และมี พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ วันนั้น มีการสั่งการให้ตำรวจใช้กำลังสกัดการปิดล้อม ร่วมกับการยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม จน
ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำ วันนั้น มีการยิงแก๊สน้ำตา เข้าใส่ผู้ชุมนุม แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น นั่นคือ มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และ ร้ายแรงถึงขั้นที่มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
ภาพปรากฏ คือ ประจักษ์พยาน ที่ยืนยันว่า การใช้แก๊สน้ำตาครั้งนี้ ได้กลายเป็นอาวุธที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย ข้อมูล จากผู้บังคับการกองพลาธิการและสรรพาวุธ ในเวลานั้น เชื่อว่า แก๊สน้ำตาจากจีนที่ใช้ อาจหมดอายุ เพราะระบุวันผลิตผ่านมาแล้วประมาณ 20 ปี แต่แก๊สน้ำตาหมดอายุ ก็ไม่มีผลให้มีอานุภาพรุนแรงขึ้น ข้อสงสัยนี้ จึงต้องการ "การทดสอบ"
คณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน ชุดของคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ นำแก๊สน้ำตา6 ชนิด ที่มีอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกนำมาทดสอบ สิ่งที่เห็นชัดเจน คือ แก๊สน้ำตาจากประเทศจีน ทั้งชนิดยิงและขว้าง มีอนุภาพความรุนแรงมากที่สุด ถึงขั้นที่ทำให้เสาเหล็กประตูฟุตบอล "งอ" ได้ ไม่ต้องสงสัย ถึงความสูญเสียที่เกิดตามา เมื่อมันถูกยิงเข้าใส่ฝูงชน
แก๊สน้ำตาอานุภาพรุนแรงราวกับระเบิด ซ้ำร้ายยังอันตราย เพราะมีการระเบิดตามมาเป็น 2 จังหวะ หากมีคนไปสัมผัสหลังระเบิดครั้งแรก อาจได้รับอันตรายจากการระเบิดครั้งที่ 2 ผลจากแรงระเบิด ทำให้เกิดหลุมขนาดลึก 3 เซนติเมตร แบบขว้าง รุนแรงยิ่งกว่า ซึ่งตำรวจเองยอมรับว่า แก๊สน้ำตาจากจีนนี้ ถูกนำออกมาใช้สลายการชุมนุม 7 ตุลาคม 2551 มากที่สุด การสั่งการปราบปราม ที่สร้างความสูญเสีย ครั้งนั้นจึงต้องมีผู้รับผิดชอบ