ปฐมบท สลายชุมนุม 7 ตุลา 51

พลันที่อดีตนายกฯ สมัคร สุนทรเวช เจอวิบากรรมถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพ้นจากตำแหน่ง หลังรับจ้างทำรายการ "ชิมไปบ่นไป" และ "ยกขโยง 6 โมงเช้า"ซึ่งขัดต่อคุณสมบัตินายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ 2550 พรรคพลังประชาชน แก้เกมกลับด้วยการเปลี่ยนตัวนายกฯ ทันที เป็น "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" น้องเขย อดีตนายกฯ ทักษิณ ท่ามกลางการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ปักหลักชุมนุมยาว ภายใต้ยุทธศาสตร์ "ดาวกระจาย" มีภารกิจ คือ สงครามครั้งสุดท้าย

กลุ่มพันธมิตรฯ ทำทุกวิถีทางเพื่อเรียกร้องภายใต้แคมเปญ "กำจัดระบอบทักษิณให้สิ้้นซาก เข้ายึดทำเนียบรัฐบาล เคลื่อนพลดาวกระจายไปยังสถานที่ราชการสำคัญ และหนึ่งในนั้นคืออาคารรัฐสภา จนถึงวันที่ 7 ต.ค.2551 อดีตนายกฯ สมชาย นัดแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อเข้าทำหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีได้อย่างสมบูรณ์ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ กลุ่มพันธมิตรฯ จึงเปิดฉากสงครามมวลชนอีกครั้ง

เริ่มจากเย็นวันที่ 6 ต.ค.51 ภารกิจขัดขวางการแถลงนโยบายของรัฐบาลสมชาย เริ่มขึ้น เข้าขวางประตูเข้า-ออกรัฐสภา ทั้ง 2 ด้าน ฝั่งถนนอู่ทองใน ยาวถึงประตูประสาทเทวริทธิ์ ถนนราชวิถี รอบรัฐสภา ตั้งแต่เวลา 20.00 ของวันที่ 6 ต.ค. ล่วงเลยถึงเช้าวันที่ 7 ต.ค.

เมื่อฟ้าเริ่มสาง เจ้าหน้าที่รัฐเปิดฉากขอคืนพื้นที่ เพื่อเปิดทาง "สมชาย" เข้าแถลงนโยบาย ให้ ส.ส.และ ส.ว.เข้าไปในรัฐสภา แก๊สน้ำตาลูกแรก ถูกยิงมาจากวงนอกของพื้นที่ชุมนุม จากแยกขัตติยานี ถนนพิชัย ตัดกับถนนราชวิถี จากนั้นไม่นานพายุแก๊สน้ำตา ตามมาลูกแล้วลูกเล่า ถูกยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมจนต้องถอยร่น อกกจากประตูประสาทเทวริทธิ์

จนเกิดนาทีชุลมุนเมื่อพันธมิตรฯ ตอบโต้เจ้าหน้าที่ ทั้งมือเปล่า ท่อนไม้ ด้ามธงที่ดัดแปลงเป็นหอก ขวดแก้ว หนังสติ๊ก และอาวุธเฉพาะกิจที่สามารถจะหาได้ในตอนนั้นตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ จนถอยออกไปทางถนนสุโขทัย ถนนราชวิถี เมื่อยกแรกจบลง เกิดการบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย บางคนมีบาดแผลฉกรรจ์

สุดท้าย รัฐบาล สมชาย ฝ่าแนวมวลชนเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ได้สำเร็จ แต่ก็มี ส.ส. ฝ่ายค้านอย่าง ประชาธิปัตย์ และ กลุ่ม 40 ส.ว.คว่ำบาตรไม่ยอมเข้าร่วมประชุม เพราะมีประชาชนบาดเจ็บจำนวนมาก ..แต่อดีตนายกฯ สมชาย เปิดแถลงนโยบายจนเสร็จในเวลา 14.00 น. ก่อนออกเดินทางทางออกจากรัฐสภาโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ พร้อมด้วยชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ บุตรสาว ไปยังกองบัญชาการกองทัพไทย ไล่หลังไม่นาน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ขณะที่มวลชนพันมิตร กลับระดมพลขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีตำรวจบางนายถูกแทงด้วยด้ามธงทะลุหน้าท้อง มีตำรวจถูกรถกระบะของผู้ชุมนุมขับไล่ทับเจ้าหน้าที่ก็ระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่จนมีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น เ และถูกตั้งคำถามว่า เหตุใดแก๊สน้ำตา จึงทำให้เกิดความบาดเจ็บสาหัส
เหตการณ์บานปลายจนถึงช่วงค่ำ เมื่อ ส.ส.และ ส.ว.ออกจากรัฐสภาหมดแล้ว ผู้ชุมนุมจึงเคลื่อนกลับ แต่ก็ยังมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลจุดที่นี่เอง "น้องโบว์" อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ก็ได้เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา