svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

"เจฟฟ์ เบซอส" ผู้ก่อตั้งอเมซอน ขึ้นตำแหน่ง มหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก

28 กรกฎาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอนดอทคอมในวัย 53 ปี เบียดแซงหน้าบิล เกตต์ เจ้าพ่อแห่งไมโครซอฟต์วัย 61 ปี ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยสุดในโลก มีความมั่งคั่งมากกว่า 9 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังราคาหุ้นอเมซอนพุ่งทะลุถึง 1,083 ดอลลาร์ ขณะที่มาร์เก็ตแคปของหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้นแตะระดับ 5 แสนล้านดอลลาร์ แต่ดูเหมือนว่า เจฟฟ์ เบซอส จะเป็นขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดในโลกได้พียงไม่กี่ชั่วโมงเมื่อราคาหุ้นอเมซอนร่วงลงปิดตลาดที่ 1,046 ดอลลาร์

ขณะที่ลอนดอนกำลังปวดหัวกับภาวะที่อาจจะต้องสูญเสียการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของยุโรป โดยที่ตลาด LIBOR ที่เป็นศูนย์กลางของการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารจากทั่วโลกซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 350 ล้านล้านดอลลาร์ ต้องถูกลดบทบาทลงไป นอกเหนือจากผลกระทบของ Brexit ที่ทำให้อังกฤษต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างสมบูรณ์ภายในปี 2021 ตลาด LIBOR กำลังเผชิญกับสถานการณ์ความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของตลาดที่เกิดจากช่องโหว่ของข้อกำหนดกฎเหณฑ์ทางการเงินของหน่วยงานกำกับดูแลของทางการอังกฤษ
ความตึงเครียดที่มีมากขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกฎหมายคว่ำบาตรรุนแรงขึ้น ทั้งที่มีต่อรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ โดยมีการลงมติโหวตด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 98 ต่อ 2 ซึ่งเป็นการลงมติของวุฒิสภามีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 419 ต่อ 3 ให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว

1.เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอนดอทคอมในวัย 53 ปี เบียดแซงหน้าบิล เกตต์ เจ้าพ่อแห่งไมโครซอฟต์วัย 61 ปี ขึ้นเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยสุดในโลก มีความมั่งคั่งของสินทรัพย์สูงถึง 9.08 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังราคาหุ้นอเมซอนพุ่งทะลุถึง 1,083 ดอลลาร์ โดยส่งผลต่อมาร์เก็ตแคปของหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้นแตะ 5 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่บิล เกตต์ มีความมั่งคั่งของสินทรัพย์ที่ 9.01 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่ว่า เจฟฟ์ เบซอส ก็ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดในโลกได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากนั้นราคาหุ้นอเซอนที่มีการเคลื่อนไหวอย่างผันผวนเมื่อวันพฤหัสฯ จากราคาเปิดที่ 1,069 ดอลลาร์ โดยพุ่งขึ้นสูงสุดของวันที่ 1,083 ดอลลาร์ในช่วงเที่ยงวัน แต่เมื่อมีข่าวเชิงลบของผลประกอบการที่ออกมา จากภาวะต้นทุนดำเนินงานที่สูงขึ้นเนื่องจากการขยายคลังเก็บสินค้าอาจจะส่งผลต่อราคาขายสินค้าที่สูงขึ้นในอนาคต ส่งผลต่อราคาหุ้นอเมซอนร่วงลงต่ำสุดของวันที่ 1,040 ดอลลาร์ ก่อนที่จะไต่ขี้นมาปืดตลาดที่ 1,046 ดอลลาร์ ทำให้มาร์เก็ตแคปปรับตัวลงมาที่ 4.99 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ P/E ratio อยู่ที่ 195.99 เท่า
2.ทั้งนี้มีรายงานว่า เจฟฟ์ เบซอส ซึ่งถือหุ้นอเมซอนถึง 17% มีควมมั่งคั่งที่พุ่งขึ้นถึง 40% หรือเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น 2.45 หมื่นล้านดอลลาร์ เพียงแค่นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน หนุนให้เขาขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยที่สุดของโลกเคียงข้างบิล เกตต์ แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การถือครองสินทรัพย์ของเจฟฟ์ เบซอส เป็นไปอย่างก้าวกระโดดจากปี 2012 ซึ่งอยู่ที่ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ มาถึงปี 2017 นี้อยู่ที่ 9 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.5 เท่า
เปรียบเทียบกับบิล เกตต์ ที่ถือครองสินทรัพย์เพื่อขึ้นอย่าสม่ำเสมอจากระดับ 6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2012 เพิ่มขึ้นเป็น 9 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2017 เป็นการเพิ่มขึ้น 50% ในช่วง 5 ปี
ส่วนมหาเศรษฐีอันดับสามของโลกคือ ผู้ก่อตั้ง Amancio Ortega เจ้าของร้านค้าปลีกด้านเสื้อผ้า ZARA ถือครองสินทรัพย์ 8.27 หมื่นล้านดอลลาร์ และอันดับสี่คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ แห้ง Berkshire Hathaway ถือครองสินทรัพย์ 7.45 หมื่ยล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เจฟฟ์ เบซอส อาจกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา โดยเขาจะเป็นคนแรกที่มีมูลค่าทรัพย์สินมากถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนอเมซอนก็อาจเป็นบริษัทแรกที่มีมาร์เก็ตแคปสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หากราคาหุ้นพุ่งแตะถึงระดับ 2,000 ดอลลาร์

3.แต่สำหรับกรุงลอนดอนขณะนี้กำลังปวดหัวกับภาวะที่อาจจะต้องสูญเสียการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของยุโรป โดยที่ตลาด LIBOR ที่เป็นศูนย์กลางของการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารจากทั่วโลก ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 350 ล้านล้านดอลลาร์ ต้องถูกลดบทบาทลงไปภายในปี 2021
เพราะนอกเหนือจากผลกระทบของ Brexit ที่ทำให้อังกฤษต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) อย่างสมบูรณ์หลังจากกระบวนการเจรจาภายกำหนดเวลา 2 ปีผ่านพ้นไป ตลาด LIBOR หรือ London Interbank Offered Rate กำลังเผชิญกับสถานการณ์ความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของตลาด ที่เกิดจากช่องโหว่ของข้อกำหนดกฎเหณฑ์ทางการเงินของหน่วยงานกำกับดูแลของทางการอังกฤษที่คาดว่าจะส่งผลต่อสัญญาของธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ภายในปี 2021

4.ความตึงเครียดที่มีมากขึ้นจากมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกฎหมายคว่ำบาตรรุนแรงขึ้น ทั้งที่มีต่อรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ โดยมีการลงมติโหวตด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 98 ต่อ 2 ซึ่งเป็นการลงมติของวุฒิสภามีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 419 ต่อ 3 ให้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ร่างกฎหมายคว่ำบาตรฉบับนี้ได้เปิดทางให้สภาคองเกรสมีสิทธิอำนาจในการขัดขวางประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ให้ยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย เนื่องจากเนื้อหาในร่างกฎหมายระบุให้สภาคองเกรสจะมีอำนาจในการยกเลิกการตัดสินใจของประธานาธิบดี หากการตัดสินใจนั้นส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐในกรณีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัสเซีย

5.แต่นักลงทุนในตลาดยังคงจับตาใกล้ชิด เนื่องจากร่างกฎหมายนี้จะถูกส่งมอบไปยังประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป จนถึงขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการลงนามรับรองหรือใช้สิทธิ์วีโต้ร่างกฎหมายฉบับนี้หรือไม่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศตลอดมาว่าสหรัฐจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียนับตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง


โดยเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่นี้ พุ่งเป้าไปที่เจ้าหน้าที่รัสเซียที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่รัสเซียได้เข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว ส่วนการคว่ำบาตรอิหร่านและเกาหลีเหนือ ซึ่งพุ่งเป้าที่มุ่งตอบโต้การขยายโครงการนิวเคลียร์ของทั้งสองประเทศ
ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการลงมติคว่ำบาตรรัสเซียของวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐนั้น ทีมงานของประธานาธิบดีทรัมป์ได้เรียกร้องต่อสภาคองเกรสขอความยืดหยุ่นให้กับทำเนียบขาวที่จัดการกับเรื่องรัสเซีย

logoline