svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศาลนัดไต่พยาน คดีพาสปอร์ต"ทักษิณ" 29 ส.ค.60

27 กรกฎาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลฎีกานักการเมืองนัดตรวจหลักฐานคดีออกพาสปอร์ตทักษิณ"ปึ้ง สุรพงษ์"จัดพยาน 14 ปากสู้คดีอัยการฟ้องพยานไต่ 7 ปาก ศาลนัดไต่พยานปากนัดแรก 29 ส.ค.นี้


         27 ก.ค.60 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นายสุนทร ทรงฤกษ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะรวม 9 คน นัดตรวจหลักฐานคดีออกหนังสือเดินทางให้นายทักษิณ ชินวัตร ในคดีหมายเลขดำ อม.51/2560 ที่ ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อายุ 64 ปี อดีต รมว.ต่างประเทศ ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติต้นเดือน ก.พ.60 ชี้มูลความผิดทางอาญา นายสุรพงศ์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กรณีออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งถูกออกหมายจับในคดีร่วม นปช.ก่อการร้าย และคดีอื่น ๆ ซึ่งขัดต่อระเบียบข้อบังคับกระทรวงการต่างประเทศ ว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ข้อ 21 (2) (3) และ (4)
         โดยคดีนี้อัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯเมื่อกลางเดือน มี.ค.60 สรุปคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 25 - 26 ต.ค.54 จำเลย ได้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โดยเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม54 ได้ลงนามในท้ายหนังสืออธิบดีกรมการกงสุล พิจารณาการออกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ในส่วนของประชาชนทั่วไป ของนายทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่รัฐมนตรีก่อนหน้าได้พิจารณาเพิกถอนพาสปอร์ตไป ซึ่งการกระทำนั้นทำให้มีการออกพาสปอร์ตให้กับนายทักษิณส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความเสียหาย อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
           ซึ่งวันที่ 15 มิ.ย.ศาลได้นั่งพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การนายสุรพงษ์ อดีต รมว.ต่างประเทศ จำเลย ไปแล้วจำเลยให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยื่นหลักทรัพย์ 3 ล้านบาทประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวพร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนิกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
          โดยวันนี้ ในการนัดตรวจหลักฐาน นายสุรพงษ์ อดีต รมว.ต่างประเทศ จำเลย ซึ่งใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วยเดิน ได้เดินทางมาพร้อม นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. พร้อมด้วยทนายความ  ขณะที่การตรวจหลักฐาน อัยการโจทก์ ได้ยื่นบัญชีพยานต่อศาลเสนอพยานบุคคลให้ไต่สวน 7 ปาก 
         ฝ่ายนายสุรพงษ์ จำเลย ทนายความเสนอพยานบุคคลที่จะนำเข้าไต่สวน 14 ปากซึ่งมีพยานร่วมกันระหว่างโจทก์จำเลย 3 ปาก
          ทั้งนี้องค์คณะฯ พิจารณาเเล้วอนุญาตให้คู่ความนำพยานเข้าไต่สวนตามที่เสนอ โดยกำหนัดวันนัดไต่สวนพยานอัยการโจทก์ปากเเรกวันที่ 29 ส.ค.นี้ เวลา 09.00น. พร้อมกำชับให้คู่ความทั้งสองนำพยานเข้าไต่สวนตามกำหนดนัดหากไม่สามารถนำมาได้ให้เเจ้งต่อศาลล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
        ขณะที่คดีนี้ นายสุรพงษ์ จำเลย ก็ได้ยื่นคำขอศาลส่งคำร้องจำเลยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ขัดต่อรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ.2560 หรือไม่นั้น ซึ่งศาลทำสำเนาคำร้องส่งให้อัยการโจทก์พิจารณาว่าจะคัดค้านหรือไม่ เเละส่งกลับศาลภายใน7วัน มิเช่นนั้นจะถือว่าไม่ติดใจ โดยศาลจะมีคำสั่งกรณีดังกล่าวในวันที่ 29 ส.ค.นี้
         ภายหลังออกจากห้องพิจารณานายสุรพงษ์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ตอบคำถามกรณียื่นคำร้องศาลฎีกาฯส่งประเด็นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขณะนี้ได้ยื่นคำร้องไปแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาขององค์คณะว่าจะมีคำสั่งอย่างไร จึงยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่เป็นคนละประเด็นกับคำร้องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยยื่นในคดีโครงการรับจำนำข้าว            เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลนัดวันฟังคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวพร้อมกับคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีในวันเดียวกัน 25 ส.ค.นี้ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ไม่รู้ขั้นตอนศาลว่าจะดำเนินการอย่างไร เป็นดุลพินิจของศาลอยู่แล้ว ได้ติดตามก็เข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต่อสู้คดีมาอย่างเต็มที่ ต้องรอฟังผลว่าศาลจะวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร
         ต่อข้อถามถึงกรณีที่มีการยึดทรัพย์บังคับคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อความเสียหายคดีจำนำข้าว นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ทุกอย่างอยากให้เป็นไปตามกฎหมาย ตนไม่เข้าใจขั้นตอนคดีที่เกี่ยวกับการละเมิด การยึดทรัพย์ ยังไม่ขอให้ข้อมูลเพราะเกรงว่าจะผิดพลาด
         ส่วนอยากฝากอะไรถึงรัฐบาลและมวลชนหรือไม่ กรณีที่ คสช.มีความกังวลเรื่องการขนมวลชนมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าคงจะไม่มีใครไปขนมา เพราะรัฐบาลเองโดยนายกฯ ก็ออกมาปรามชัดเจน แต่ประชาชนที่รัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มีจำนวนมาก ซึ่งโดยปกตินิสัยคนไทยต้องการให้กำลังใจคนที่รักที่ชอบ เขาอาจจะเดินทางมาด้วยตัวเองก็เป็นไปได้          "การที่จะไปขนคนมาเป็นจำนวนมากๆ แล้วที่ว่ามีข่าวใช้เงินจ่ายค่าขนอะไรนี่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เงินมากมายขนาดนั้น ไม่มีประโยชน์ คนคงจะมาด้วยจิตใจที่รักและผูกพันกับท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็คงจะมีเป็นปกติอยู่แล้ว" นายสุรพงษ์ กล่าว         ผู้สื่อข่าวถามว่าา การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นัดทำกิจกรรมปลูกดอกดาวเรืองที่ จ.อุบลราชธานี ในวันนี้ (27 ก.ค.) เป็นการปลุกมวลชนเเละคาดว่ามวลชนจะมาถึงหลักพันหรือหมื่นคนหรือไม่  นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่มั่นใจ แต่เชื่อว่าคนรัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีจำนวนมาก คนไทยเราพอได้ข่าวจากฝ่ายรัฐบาลก็ไม่รู้ว่าใจเขาคิดยังไง จะมาเยอะหรือไม่เยอะก็สุดแท้แต่ประชาชน และตลอดเวลาที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มีกิจกรรมส่วนตัวมาโดยตลอดเป็นปกติอยู่แล้ว การเดินทางไปก็คงจะนัดล่วงหน้าไว้แล้ว
           ส่วนวันที่ 26 ก.ค.เป็นวันเกิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทางพรรคเพื่อไทยได้จัดกิจกรรมวันเกิดให้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ค่อยได้เข้าไปที่พรรคเลย เพราะลาออกจากพรรคมาแล้ว แต่ส่วนตัวได้ส่งข้อความทางไลน์อวยพรวันเกิดไปให้ท่านทุกปี อยากจะเห็นท่านมีสุขภาพแข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง อาราธนาคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ปกป้องคุ้มครองท่าน และอยากให้ท่านได้กลับประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเฝ้าหวังมาตลอด

logoline