ชี้ช่องทาง Cryprocurrency ผ่าน Blockchain มีโอกาสเกิดในระบบการเงินโลกอนาคต

ขณะที่ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็น 2 สกุลเงินสำคัญในการซื้อขายของ Cryptocurrency เริ่มมีราคาที่ฟื้นตัวขึ้น โดยที่ Bitcoin กลับมายืนเหนือราคา 2,500 ดอลลาร์จากที่ร่วงลงไปต่ำถึง 1,780 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม จากที่เคยขึ้นไปพึคที่ 3,000 ดอลลาร์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม เช่นเดียวกับทิศทางราคาของ Ethereum ที่ร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 200 ดอลลาร์หลังดิ่งลงไปต่ำที่ 145 ดอลลาร์ จากที่เคยขึ้นไปพึคที่ 404 ดอลลาร์
ทางด้านเงินดอลลาร์เสี่ยงร่วงลงต่อเนื่อง หลังร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยที่ Dollar Index หลุดลงสู่ระดับ 93.64 นักลงทุนเริ่มโยกเข้าสู่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นถุง 12% จากช่วงปลายปีที่แล้วสู่รัดับ 1.1667 ดอลลาร์ และเงินเยนแข็งค่าขึ้นราว 6% สู่ระดับ 110 เยนต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐ คล้ายกับบรรยากาศในช่วงปี 2013 ซึ่งนักลงทุนมีการทิ้งเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าวก่อนที่จะกลับเข้าซื้อเงินดอลลาร์ในปี 2014 ถัดมา

1.Dr. Pippa Malmgren อดีตสมาชิกผู้ปกป้องค่าเงินดอลลาร์ใน Plunge Protection Team ของกระทรวงการคลังสหรัฐ ชี้ช่องทางเงินดิจิตัล หรือ Cryptocurrency ผ่านระบบบัญชีการชำระเงินของ Blockchain มีโอกาสเกิดในระบบการเงินโลกอนาคตมากขึ้น เนื่องจากปัญหาความเสี่ยงที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีการก่อหนี้เกินตัวในปัจจุบันที่พุ่งสูงเกือบ 300% ของจีดีพีโลก เนื่องจากจำนวนหนี้ทั่วโลกมีอยู่ถึง 217 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนจีดีพีโลกอยู่ที่ 78 ล้านล้านเลลาร์
ทั้งนี้ อดีตสมาชิกของ Plunge Protection Team ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สตรีได้ทำหน้าที่สกัดปัญหาต่างๆ ที่เข้ามากระทบกับค่าเงินดอลลาร์ เพื่อพยุงให้ค่าเงินดอลลาร์อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ เรียกได้ว่ามีหน้าที่เข้าแทรกแซงตลาดเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติการเงินกับค่าเงินดอลลาร์ โดยที่บทบาทของ Plunge Protection Team มีมากในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินสหรัฐรอบล่าสุดตั้งแต่ปี 2008
โดยเธอมองว่า การที่ Cryptocurrency จะมีโอกาสเกิดมากขึ้น หากว่ารับบาลที่ก่อหนี้ในจำนวนมาก หากไม่สามารถมีฐานะการคลังที่จำนำเงินงบประมาณหรือเงินภาษีมาจ้ายคืนหนี้ได้ รวมทั้งไม่สามารถพิมพ์เงินมาจ่าย เนื่องจากจะเกิดปัญหาเงินเฟ้อขั่นรุนแรงหากต้องพืมพ์ในจำนวนมหาศาล ในที่สุดทำให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้แล้ว ก็จะทำให้ Cryptocurrency มีโอกาสเกิดขึ้นมาในระบบการเงินโลกอย่างกว่างขวางมากขึ้น โดยผ่าระบบบัญชีเพื่อการชำระเงินของ Blockchain ในอนาคต
2.ขณะที่ Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็น 2 สกุลเงินสำคัญในการซื้อขายของ Cryptocurrency เริ่มมีราคาที่ฟื้นตัวขึ้น โดยที่ Bitcoin กลับมายืนเหนือราคา 2,500 ดอลลาร์จากที่ร่วงลงไปต่ำถึง 1,780 ดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม จากที่เคยขึ้นไปพึคที่ 3,000 ดอลลาร์เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม
เช่นเดียวกับทิศทางราคาของ Ethereum ที่ร่วงลงมาต่ำกว่าระดับ 200 ดอลลาร์หลังดิ่งลงไปต่ำที่ 145 ดอลลาร์ จากที่เคยขึ้นไปพึคที่ 404 ดอลลาร์

3.ดอลลาร์ร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปี โดยที่ Dollar Index หลุดลงสู่ระดับ 93.64 นักลงทุนเริ่มโยกเข้าสู่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นถึง 12% จากช่วงปลายปีที่แล้วสู่รัดับ 1.1667 ดอลลาร์ และเงินเยนแข็งค่าขึ้นราว 6% สู่ระดับ 110 เยนต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการเมืองสหรัฐ คล้ายกับบรรยากาศการเลื่อนไหวในช่วงปี 2013 ซึ่งนักลงทุนมีการทิ้งเงินดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว ส่งผลต่อเงินยูโรและเงินเยนเริ่มขาดแคลนในช่วงต้นปี 2014 ถัดมา
ทั้งนี้ วงจรของ Dollar Index ร่วงลงค่อนข้างรวดเร็วจากระดับ 94-95 เมื่อสัปดาห์ก่อน หลุดลงมาอยู่ที่ระดับดัชนีค่าเงินดอลลาร์ที่ 93 ในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลเงินยูโรแข็งค่าแตะ 1.1670 ดอลลาร์ เทียบกับวันจันทร์ที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 1.1478 ดอลลาร์ โดยแข็งค่าเฉียด 13% จากชาวงสิ้นปี 2016 ซึ่งอยู่ที่ 1.0456 ดอลลาร์ และเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยนที่ระดับ 110.80 เยน จากสัปดาห์ก่อนเคลื่อนไหวที่ 111.13-112.63 เยน
ในการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับยูโร ยังถูกกดดันหลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (EB) ส่งสัญญาณลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ดำเนินการเดือนละ 6.5 หมื่นล้านยูโรมรจณะนี้ แต่ มาริโอ ดรากี ประธาน ECB ยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ECB ยังจะต้องใช้มาตรการ QE ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% ในระยะปานกลาง รวมทั้งดอลลาร์ยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรมในขณะนี้

4.นอกจากนี้ ทางด้านอัยการพิเศษอิสระที่กำลังสอบสวนกรณีรัสเซียอาจมีส่วนแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐ มีการขยายผลการสืบสวนให้รวมถึงเครือข่ายธุรกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเขา ขณะที่ทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของทรัมป์ และพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ มีกำหนดเข้าให้การต่อวุฒิสภาสหรัฐในสัปดาห์นี้
โดยที่ทั้งหมดนี้ เป็นความเข้มข้นทางการเมืองในสหรัฐที่มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการเข้าให้การของบุคคลทั้งสามเป็นส่วนหนึ่งของการสืบสวนกรณีที่รัสเซียอาจเข้ามาก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
5.ขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ในฐานะของประธานาธิบดีสหรัฐมีอำนาจในการให้อภัยโทษแก่ประชาชน หรือสมาชิกในครอบครัวได้ หลังปรากฎในรายงานจากสื่อถึงคณะทำงานของเขาที่กำลังพิจารณาถึงวิธีการที่จะให้อภัยโทษสมาชิกครอบครัวของทรัมป์ รวมถึงผู้ช่วยของเขาด้วย เนื่องจากหน่วยงานที่เป็นทางการสหรัฐกำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ไม่ชอบมาพากลระหว่างทีมหาเสียง กับบุคคลใกล้ชิดรัฐบาลรัสเซียในช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปลายปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ปะธานาธิบดีทรัมป์ระบุข้อความในทวิตเตอร์ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐมีอำนาจเต็มที่ในการให้อภัยโทษ ซึ่งทุกคนต่างก็ยอมรับในเรื่องนี้ แต่ทำไมจะต้องคิดถึงเรื่องนั้น ในเมื่อข้อกล่าวหาทั้งหมด เป็นแค่การปล่อยข่าวปลอมเพื่อโจมตีเรา
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาที่บรรยากาศทางการเมืองในสหรัฐยังคง้ต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งจะยังคงส่งผลกระทบต่อทิศทางของเงินดอลลลาร์จากนี้ไป