พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่วันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ว่า ถูกคนร้ายลักทรัพย์รถจักรยานเสือภูเขา ราคาประมาณ 20,000 บาท ไปจากจุดจอดใกล้ๆ สถาบัน จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า ผู้ต้องหาเป็นชายอายุประมาณ 55-60 ปี แต่งกายคล้ายนักปั่นจักรยานสวมชุดเสื้อผ้าเหมือนผู้ชื่นชอบออกกำลังกาย ใส่ถุงเท้า รองเท้าผ้าใบ มาพร้อมกับกระเป๋าสะพายใช้คีมตัดโซ่ที่คล้องไว้กับตัวรถก่อนปั่นหลบหนีไป โดยระหว่างทางนั้นผู้ต้องหาได้ปั่นแวะไปตามสถานที่ต่างๆ แบบเรื่อยๆ เข้าใจว่า น่าจะเป็นวิธีการลวงไม่ให้ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดได้โดยง่าย
"กระทั่งมีกล้องวงจรปิดตัวหนึ่งซึ่งติดตั้งอยู่ใกล้ๆ บริเวณร้านคาร์แคร์ของปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนราษฎร์บูรณะ ห่างจาก สน.ราษฎร์บูรณะ และ กก.สส.บก.น.8 เพียง 100 เมตร จับภาพผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้ขณะปั่นจักรยานของกลางเข้ามาใช้บริการล้างรถ ในราคาคันละ 30 บาท พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลแขวงอนุมัติหมายจับตามภาพกล้องวงจรปิด ก่อนแกะรอยติดตามไปจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไว้ได้ที่ห้องเช่าภายในซอยจอมทอง 5 พร้อมเครื่องมือที่ใช้ก่อเหตุ" พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าว
จากการสอบสวน นายเจริญ ยอมรับว่า เมื่อพ.ศ.2541 เคยถูกตำรวจจับข้อหาลักทรัพย์ โดนศาลจังหวัดสกลนครตัดสินโทษจำคุก นาน 5 ปี พอพ้นโทษออกมาก็เดินทางเข้ากรุงเทพ มาเป็นบุคคลเร่ร่อนกินอยู่หลับนอนตามท้องสนามหลวง ต่อมาไม่รู้จะทำมาหากินอะไร ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาจึงตระเวนไปลักทรัพย์รถจักรยานปั่นที่ผู้เสียหายนำไปจอดไว้ตามจุดจอดที่ กทม.จัดหาไว้ อาทิ จุดจอดรถย่านสถานีรถไฟฟ้าสยาม บริเวณจามจุรีสแควร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยทุกครั้งที่ลงมือจะแต่งตัวให้กลมกลืนกับนักปั่นจักรยาน แล้วใช้คีมตัดโซ่ทำการปั่นรถของกลางหลบหนีไปเรื่อยๆ โดยจะมีพ่อค้าจักรยานมือสองซึ่งอยู่ที่ย่านศาลเจ้าพ่อเสือ ถนนแพร่งนรา เป็นผู้รับซื้อ หากเป็นรถจักรยานแม่บ้านจะได้ราคาคันละ 900 บาท แต่ถ้าเป็นรถเสือหมอบ เสือภูเขา หรือรถดีราคาแพง จะขายได้คันละ 3,000 บาท นำเงินมาจ่ายค่าห้องเช่า ใช้จ่าย และรักษาตัวจากอาการป่วยโรคไตที่เป็นเรื้อรังมานาน
ด้าน พ.ต.ท.ทวิช เปิดเผยว่า เบื้องต้น นายเจริญ ผู้ต้องหารายนี้ หรือที่บุคคลเร่ร่อน ย่านสนามหลวงรู้จักกันดีว่าคือ "ลุงเริญ สายปั่น" ยอมรับสารภาพว่า เคยลักทรัพย์จักรยานปั่นของผู้เสียหายมาแค่ 4-5 ครั้ง โดยจะรับสารภาพเฉพาะคดีที่ตำรวจหาหลักฐานกล้องวงจรปิดมามัดตัวได้เท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้จะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ แจ้งข้อหาลักทรัพย์ ก่อนประสานฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน มาอายัดตัวตามหลักฐานที่มี รวม 3 คดี และขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียหายที่สงสัยว่า เคยถูกลุงเริญ ลักทรัพย์รถจักรยานปั่นไปให้เดินทางมาดูตัวได้ที่ สน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อไป.