svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

เปิดเบื้องหลัง ทีมสืบมือพระกาฬ ล่าแก๊งทมิฬสังหารยกครัว 8 ศพ 5 วันปิดจ๊อบ

18 กรกฎาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเกิดขึ้นกับครอบครัว นายวรยุทธ สังหลัง หรือผู้ใหญ่บัติ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ที่ถูกกลุ่มคนร้ายแต่งกายชุดลายพรางทหาร บุกเข้าไปคุมตัวคนในบ้านและเครือญาติรวม 11 ราย ก่อนสวมบทเพชฌฆาต ใช้ปืนจ่อยิงหัวเรียงคน แม้กระทั่งเด็กอายุเพียง 2 ขวบ ก็ไม่เว้น ทำให้เสียชีวิต 8 คน และรอดชีวิตราวปราฏิหาริย์ 3 คน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในคืนวันที่ 10 กรกฎาคม

หลังจากเกิดเหตุไม่นานตำรวจ สภ.อ่าวลึก ได้นำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านอยู่ภายในสวนปาล์มท้ายหมู่บ้าน ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก ซึ่งตัวบ้านปลูกอยู่เกือบสุดซอย ลักษณะบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีรั้วรอบขอบชิดพื้นที่กว่า 2 งาน พอตำรวจมาถึงไม่รีรอรุดเข้าไปตรวจสอบภายในก็ต้องตะลึง เมื่อพบศพทั้งหมด 5 คน นอนจมกองเลือด ส่วนอีก 6 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ 3 ใน 6 คน จะเสียชีวิตเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล ซึ่งหนึ่งในผู้ที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลคือ นายวรยุทธ หรือ ผู้ใหญ่บัติ นอกจากนี้ภายในบ้านยังพบทารกอายุ 3 เดือน ที่คนร้ายไม่ได้ลงมือยิง 1 คน
กระบวนการสืบสวนของตำรวจเพื่อหาตัวคนร้ายทมิฬก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดขึ้นทันทีหลังรับแจ้งเหตุ เริ่มต่อจากจิ๊กซอว์ชิ้นแรกด้วยการสอบสวนพยานปากสำคัญที่รอดชีวิตจากคมกระสุนมหาโหดของแก๊งทมิฬ คือ น.ส.อัญลี บุตรเติบ ก่อนทราบว่าเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม มีกลุ่มคนร้ายเป็นชายประมาณ 6-7 คน ใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ 2 คัน แต่งกายชุดลายพรางคล้ายทหาร พร้อมอาวุธปืนเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ ทำทีเจ้ามาตรวจค้นบ้านหาหลักฐานเกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยกลุ่มคนร้ายกักตัวทุกคนในบ้านออกไม่ไปไหนยาวนานหลายชั่วโมง ต่อมาเวลา 20.00 น.วันเดียวกัน นายวรยุทธ ได้กลับมาถึงบ้านพัก ก็ถูกกลุ่มคนร้ายควบคุมตัวและจับใส่กุญแจมือ พร้อมใช้ผ้าปิดบังใบหน้าของนายวรยุทธเอาไว้ หลังจากนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนกลุ่มคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงทุกคนที่อยู่ในบ้าน แล้วหลบหนีไปโดยใช้รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ทั้งนี้คนร้ายยังได้นำรถยนต์ โตโยต้า ยาริส สีบรอนเทา ทะเบียน กค 533 กระบี่ ของเจ้านายวรยุทธไปด้วย รวมทั้งถอดเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้านไปด้วย ซึ่งเพื่อเป็นการเก็บหลักฐานสำคัญให้ตำรวจทำงานได้ยากขึ้น เหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ถือว่าเป็นคดีใหญ่ในรอบหลายปี จนทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ต้องสั่งระดมนักสืบฝีมือดีทั่วทั้งประเทศมาร่วมกันคลี่คลายคดี ซึ่งล้วนเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.36 และรุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่รู้มือรู้ใจเคยลุยงานสืบสวนมาด้วยกันก่อนหน้านี้ลงพื้นที่สางคดี
แนวทางการสืบสวนเริ่มต้นจากที่เกิดเหตุไปสู่เส้นทางการหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) เข้าไปตรวจภายในบ้านโดยการสวมถุงมือยาง สวมหมวกพลาสติก ใส่ถุงพลาสติกที่เท้า เพื่อป้องการทะลายหลักฐานที่สำคัญภายในบ้านที่เกิดเหตุ จากการเข้าตรวจสอบพบ อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 9 ปลอก หัวกระสุนปืนไม่ทราบขนาดจำนวน 2 หัว ลายนิ้วมือ คราบเขม่าปืน รวมทั้งกระป๋องน้ำอัดลมจำนวน 1 กระป๋อง และข้าวกล่องสำเร็จรูปอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นของคนร้าย โดยได้ส่งกระจายไปตามศูนย์พิสูจน์หลักฐานต่าง ๆ ในภาคใต้ รวมไปถึงสำนักพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กรุงเทพฯ เพื่อความรวดเร็ว
การทำงานคดีใหญ่แบบนี้ตำรวจได้แบ่งชุดกำลังดูแลการสืบสวนสอบสวนเป็นหลายส่วน โดยแต่ล่ะชุดจะได้รับการมอบหมายตามที่หน่วยนั้นถนัด อาทิ สืบสวนนครบาล ก็จะใช้เครื่องมือในการสืบสวนทางเทคนิคเข้าช่วยในงานครั้งนี้ และหน่วยอื่น ๆ ก็จะเป็นหน้างานตรวจสอบกล้องวงจรปิด สอบปากคำพยาน การข่าวในพื้นที่ ตรวจสอบประวัติของผู้เสียชีวิตแต่ล่ะคน รวมไปถึงปมสังหารในครั้งนี้
ในช่วงแรกเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีได้คาดปมสังหารหมู่ในครั้งนี้ไว้ทั้งหมด 5 ประเด็น ประกอบไปด้วย 1.ขัดแย้งกับนักการเมืองท้องถิ่น ระดับนายก อบต.แห่งหนึ่งใน อ.อ่าวลึก 2.การร้องเรียนการสร้างโรงโม่หิน ที่มีกรณีพิพาทกันและทวีความรุนแรงมากว่า 1 เดือน 3.ขัดแย้งเรื่องการบุกรุกที่ดินที่ผู้ใหญ่บ้านเป็นโจทก์ยื่นฟ้องไล่ที่ชาวบ้านจำนวน 8 ราย ขณะนี้เรื่องยังอยู่ชั้นศาล 4.เรื่องยาเสพติด และ 5.เรื่องชู้สาว โดยชุดคลี่คลายได้ลงตรวจสอบในทุกประเด็นสังหารที่ตั้งไว้ ส่วนกลุ่มมือปืนชุดสืบสวนมุ่งไปที่กลุ่มซุ้มมือปืนทางภาคใต้ หรืออาจจะเป็นอดีตคนมีสีที่ออกมารับงานเฝ้าสวนยางตามจังหวัดทางภาคใต้ เพราะในทางข้อมูลพบว่า มีเหตุลักษณะกลุ่มเฝ้าสวนยางออกมารับงานทวงหนี้ หรือรับงานเป็นมือปืนรับจ้าง
ความสงสัยว่าทำไมคนร้ายจึงต้องใช้อาวุธปืนของนายวรยุทธเป็นมัจจุราชฆ่าทุกชีวิตในบ้าน ไหนจะรถยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีเทา ของนายวรยุทธ ที่คนร้ายขโมยไปด้วย ทั้งๆที่ภายในบ้านมีรถยนต์ที่มีราคาแพงกว่าคันดังกล่าว รวมไปถึงช่วงเวลาในการสังหาร เนื่องจากคนร้ายเริ่มเข้ามาควบคุมคนในบ้านตั้งแต่ 16.00 น. ก่อนที่นายวรยุทธจะเข้ามาถึงบ้านเวลา 20.00 น. แล้วลงมือสังการทุกคนในบ้านเวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดี เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทั่วทิศบ้านก็ถูกคนร้ายนำไปด้วย เพื่อให้ยากต่อการสืบสวน โดยข้อสงสัยเหล่านี้ล้วนอยู่ในหัวของนักสืบมือพระกาฬ แต่รอเพียงหลักฐานสำคัญบางอย่างที่จะเป็นกุญแจไขปมการสังหารครั้งนี้
ต่อมา 3 วันให้หลังเริ่มพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับใช้คลี่คลายคดี เมื่อตำรวจพยามตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนนต่าง ๆ ที่เข้าออกหมู่บ้าน รวมไปถึงถนนเซาท์เทิร์นซีบอร์ด หรือทางหลวงหมายเลข 44 ที่สามารถมุ่งหน้าได้หลายจังหวัด อาทิ จ.พังงา จ.ภูเก็ต จ.ระนอง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งน่าจะป็นเส้นทางหลบหนี อย่างไรก็ตามอุปสรรคในการตรวจสอบกล้องเหล่านี้คือ เป็นเวลากลางคืนและจำนวนรถที่มีมาก แต่ชุดสืบสวนพยามสุดกำลังความสามารถที่มีเพื่อค้นรถต้องสงสัยที่ใช้ในการก่อเหตุสังหารโหดให้พบ ส่วนประเด็นปมสังหารตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง แต่เริ่มแง้มว่าการสืบสวนมีความคืบหน้าไปกว่าครึ่ง
รุ่งเช้าของวันที่ 4 หลังเกิดเหตุ การสืบค้นเบาะแสต่าง ๆ สื่อหลักเริ่มทยอยรายงานให้น้ำหนักกันไปทางปมโรงโม่หิน เนื่องจากมีรายงานข่าวว่า ได้เชิญตัวเพื่อนคนสนิทของนายวรยุทธผู้ตายมาสอบสวน อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีมูลค่าหลายล้านบาท พร้อมทั้งมีข้อมูลว่านายวรยุทธไปรับงานเคลียร์ทางกล่อมชาวบ้านให้เห็นชอบในเรื่องของการเปิดโรงโม่หินในพื้นที่ อ.อ่าวลึก นอกจากนี้มีเบาะแสในห้วงเวลาก่อเหตุ 4 ชั่วโมงนรกของเหยื่อนั้น พบข้อมูลว่า นายวรยุทธได้มีการโทรศัพท์ติดต่อไปขอยืมเงินจากเพื่อนสนิทจำนวน 5 แสนบาท โดยบอกกับเพื่อนว่ามีปัญหาทางการเงิน แต่เพื่อนสนิทที่ว่าก็ไม่ได้โอนเงินให้แต่อย่างใด และนี่ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของการเดินเครื่องสืบคดี
ถัดมาวันที่ 5 เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีเริ่มตัดประเด็นบางประเด็นไปบ้างแล้ว อย่างเช่น ปมชู้สาว เนื่องจากได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนอย่างละเอียดก็ไม่พบความผิดปกติ ทำให้แนวทางการสืบสวนแคบลง โดยเริ่มมุ่งไปทางกรณีการจำนองที่ดิน นอกจากนี้ยังมีกระแสว่า ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย รวมไปถึงการตรวจยึดรถคนร้ายได้แพร่สะพัดขึ้น แต่สวนทางกับการแถลงข่าวช่วงเย็นของ ผบ.ตร. ว่า ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่ยอมรับว่าส่งชุดสืบสวนลงไปตามพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะ จ.ระนอง และ จ.ตรัง ซึ่งได้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ส่วนรายละเอียดบ้างอย่างอยู่ในสำนวน
กระทั่งช่วงเย็นวันที่ 15 กรกฎาคม ชุดสืบสวนสามารถจับกุมคนร้ายรายแรกได้ พร้อมกับตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว ซึ่งเป็นของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุได้ด้วย ในพื้นที่ ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ก่อนจะควบคุมตัวพร้อมด้วยรถดังกล่าวมาสอยสวนที่ค่ายทหาร ร.15 พัน1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่ โดยเดินทางมาถึงช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. หลังจากนั้นทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วยชุดคลี่คลายคดีเริ่มทยอยเข้ามาภายในค่ายทหารเพื่อสอบสวนอย่างเร่งด่วน ขณะที่ห้วงเวลาใกล้เคียงกัน ชุดคลี่คลายคดีสามารถจับกุมคนร้ายแก๊งนี้ได้ได้อีก 4 คน ตามจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคใต้ โดยหนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุมเป็นระดับหัวหน้าสั่งการและยังเป็นมือลั่นไกสังหาร ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเปล่า เพราะเมื่อเค้นสอบปากคำได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้นำทีมพาหนึ่งในผู้ที่ถูกจับกุมไปชี้จุดทิ้งหลักฐานสำคัญทางคดี 
จุดแรกเป็นจุดที่คนร้ายนำรถของนายวรยุทธมาเผาทำลายในสวนยางพารา ซอยบ้านในหงบ อ.เมือง จ.พังงา ทันทีที่ไปถึงก็พบรถถูกเผาสภาพจำแทบไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่ถูกเผาทำลายอีกด้วย ถัดมาขบวนชุดคลี่คลายคดีได้พาตัวคนร้ายไปชี้อีกจุด ซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกราว 30 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่บ้านป่ากอ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา ซึ่งเป็นบ้านของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย หลักฐานที่พบเป็นเมมโมรี่การ์ดโทรศัพท์ จำนวน 5 ชิ้น กุญแจมือ ถุงมือ 2 ชั้น ป้ายทะเบียนรถ อาวุธปืนลูกโม่ จำนวน 3 กระบอก อาวุธปืน .38 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืน .357 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนซีแซด ขนาด 9 มม. 1 กระบอก ลูกกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่งที่วางอยู่ติดกับอาวุธปืนแต่ละชนิด ปลอกกระสุนปืน และปืนบีบีกัน โดยระหว่างการตรวจค้นในจุดสุดท้ายทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ยืนยันว่า สามารถจับกุมคนร้ายไว้ได้ครบแล้ว 8 คน ส่วนสาเหตุเกิดจากปมขัดแย้งเรื่องจำนองที่ดินสำหรับหัวหนัาแก๊งทมิฬ คือ นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี โดยจับกุมได้ที่ จ.นครศรีธรรมราช ส่วนพวกอีก 7 คน จับกุมได้ที่ จ.ระนอง 2 คน จ.ภูเก็ต 2 คน จ.พังงา 2 คน และ จ.นครศรีธรรมราช 1 คน ซึ่ง ผบ.ตร. ยืนยันว่า เข้าไปก่อเหตุในบ้าน 7 คน ส่วนอีก 1 คนมีความเกี่ยวข้องกับยานพาหนะที่ใช้ก่อเหตุ 
จะเห็นได้ว่าไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ระดมนักสืบฝีมือดีจากทุกสารทิศ เดินเครื่องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อเร่งรัดคลี่คลายคดี ตอบข้อสงสัยสังคม คืนความเป็นธรรมให้กับเหยื่อที่ถูกสังหารโหด จนสามารถปิดจ๊อบภารกิจล่าแก๊งทมิฬได้ภายใน 5 วัน ด้วยการต่อจิ๊กซอว์จากพยานที่รอดชีวิต ประติดประต่อภาพจากกล้องวงจรปิด วิเคราะห์เส้นทางหลบหนี ควานหารถใช้ก่อเหตุ พิสูจน์ข้อสงสัยทีละปม จนสามารถคลี่คลายคดีได้ในที่สุด 

logoline