"ตอนนี้ทางบ้านเติ้ลถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบที่บ้าน และแจ้งหมายเลขคดีแล้ว คือ "812/2560 คดี 74/2 ต่อไฟหลวง โดยไม่ผ่านมิเตอร์ สภอ. เมืองฉะเฉิงเทรา" แล้ว ถามว่าผมได้รับเงินค่าไฟที่ค้างไว้แล้วหรือยัง ผมได้รับคืนแล้ว ความจริงคือทางเขาจะจ่ายเงินให้ทางไฟฟ้าด้วย แต่ไม่ทันแล้ว พร้อมกับจะเอาหนังสือมาให้ผมเซ็นต์ แต่ผมก็บอกว่า ผมเซ็นต์ไม่ได้หรอก เพราะว่าคุณยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะตอนนั้นเขายังไม่ได้รื้อหลังคา หรือฝ้า เพื่อตรวจสอบบ้านเขาเลย สักพักหนึ่ง พ่อเติ้ลก็มาถึง เลยมีการขออนุญาตรื้อฝ้าที่บ้าน 74/2 แล้วเลยเจอสายไฟที่ไปต่อไว้กับไฟหลวง ทำให้เขาจนด้วยหลักฐาน เจ้าหน้าที่ก็ถ่ายรูปทุกอย่างไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อวันที่ 7ก.ค. ทางนิติกรของกรมไฟฟ้า ได้ไปแจ้งความ และมีเลขคดีออกมาตามที่ผมบอกไป เรียกว่าตอนนี้มีการแจ้งความแล้ว แต่เรื่องค่าไฟที่ค้างบ้านผมไว้คือบ้านเลขที่ 74/1 ซึ่งเขาเช่าหน้าบ้านผมทำ "คาร์แคร์" ถือว่าจบแล้ว เพราะเขาจ่ายแล้ว โดยแม่ของเขาเป็นคนจ่ายให้ผม เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 ก.ค. แต่เรื่องกับทางไฟฟ้า ที่เขาแอบต่อไฟหลวงไปใช้ยังไม่จบ และเห็นว่าถ้าเป็นคดีความขึ้นมาจริงๆ อาจจะต้องมีการรื้อดูอีกทีว่าสายไฟเอาไว้ตรงไหนบ้าง ตอนนี้ปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการไป" ลุงเล็กกล่าว
ถามต่อว่าในส่วนของบ้าน 74/1 คือบ้านของ "ลุงเล็ก" ที่เติ้ลมาเช่าพื้นที่ทำธุรกิจอยู่ จะเปิดให้เช่าต่อไปหรือไม่ คู่กรณีกล่าวว่า อาจจะต้องมีการพูดคุยอีกครั้ง และเป็นไปได้ว่าอาจต้องยกเลิกสัญญาเช่า
"ตรงนี้คือค่าเช่าเขาจ่ายเป็นรายปีมาแล้ว แต่เราต้องดูว่า เขามีการทำผิดกฏหมายตรงนี้ เราจะขอยกเลิกสัญญาได้หรือไม่ เพราะมันเสื่อมเสียถึงเราเหมือนกัน เพราะเขาเป็นคดีหลายครั้งแล้ว วุ่นวาย (หัวเราะ) แต่เขาทำกิจการคาร์แคร์เจ๊งไปเมื่อประมาณ 5-6 เดือนก่อน ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นเขาก็ไม่ได้ทำอะไร ถามว่าสัญญาเหลือกี่เดือน คือสัญญาเช่าเหลือ 10 ปี แต่คือตามสัญญาเขาจะจ่ายเงิน ให้ผมปีละครั้ง คือผมอาจจะมีการพูดคุยว่า จะขอยกเลิกได้หรือไม่ ส่วนเรื่องคดีความของเขากับทางไฟฟ้า คงต้องให้ทางเจ้าหน้าที่จัดการไป" ลุงเล็กกล่าวสรุป