สำนักงานสาธารณสุขรัฐวอชิงตันแจ้งว่า ผู้ป่วยฮันตาไวรัสมีทั้งชายและหญิง อายุตั้งแต่ 20-50 ปี พบรายแรกเมื่อเดือนก.พ. และรายล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ทั้งหมดมีประวัติเหมือนกันคือ สัมผัสหนูติดเชื้อฮันตาไวรัส
เจ้าหน้าที่ระบุว่า เชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อจากหนูสู่คนผ่านการสัมผัสปัสสาวะ อุจจาระ น้ำลาย และวัสดุในรังหนู หรือแม้แต่การสูดหายใจฝุ่นปนเปื้อนไวรัส ผู้ป่วยมักเสียชีวิตราว 1 ใน 3
สหรัฐพบผู้ป่วยฮันตาไวรัสครั้งแรกในปี 2536 ส่วนรัฐวอชิงตันพบผู้ป่วยครั้งแรกในปี 2542 ขณะที่ข้อมูลนับถึงเดือนม.ค.ปีก่อน ระบุว่า สหรัฐพบผู้ป่วยฮันตาไวรัสทั้งหมด 690 ราย อยู่ในรัฐวอชิงตัน 49 ราย
เมื่อปี 2555 สหรัฐพบการระบาดครั้งใหญ่ของฮันตาไวรัส เมื่อนักท่องเที่ยว 10 คนติดเชื้อขณะไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี รัฐแคลิฟอร์เนียและมีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยผู้ป่วยเกือบทั้งหมดพักในเต็นท์ที่พบในภายหลังว่าปนเปื้อนเชื้อจากหนูที่เป็นพาหะนำโรค และทำให้เกิดความตื่นกลัวไปทั่วโลก