เจ้าตัวสู้ไม่ใช่ นปช. เป็นแค่เจ้าหน้าที่มูลนิธิพรรคเพื่อไทย และไม่เคยพบหลักฐานสูตรระเบิดในคอมพิวเตอร์จำเลย และคำให้การของจำเลยร่วมที่พาดพิงถึงจำเลยก็ขัดแย้งและเป็นเพียงพยานบอกเล่าที่ให้การซัดทอดเท่านั้นรับฟังไม่ได้
ซึ่งศาลฎีกา เห็นว่าคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยร่วม 4 คนแม้จะเป็นคำให้การซัดทอดแต่เป็นคำให้การหลังถูกจับเพียง 2 วันไม่มีเวลาปรุงแต่งเรื่องโยงความปิดให้จำเลยที่ 4 จึงนำมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ อีกทั้งปรากฏว่าคำให้การตรงกันเรื่องสถานที่ทำระเบิดว่า จำเลยที่ 4 ให้ใช้บ้านย่านโชคชัย ซึ่งจำเลยมีบ้านอีกหลังบริเวณไม่ไกลกัน ฎีกาของจำเลยจึงฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
คดีถึงสุดตามฎีกา ราชทัณฑ์เตรียมคุมตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลางรับโทษ
ส่วนแนวร่วม นปช. จำเลยร่วม อีก 3 คน ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาปี 58 จำคุก คุก 4 ปี ขณะที่ นายสุริยาหรืออ้วน ภูมิวงษ์ อายุ 45 ปี อาชีพช่างทำบั้งไฟ มือทำระเบิดจำเลยร่วมที่ 5 นั้นศาลอุทธรณ์ ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน แต่ขณะนี้ถูกศาลให้ออกหมายจับและปรับนายประกัน 500,000 บาทเนื่องจากไม่มาศาลฟังคำพิพากษาชั้นอุทธรณ์ปี 2558