คลี่ปม "เอลิส" กับลัทธิ "ไส บาบา"

สัตยะ สาอี บาบา หรือ ไส บาบา เกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469 มีชื่อจริงว่าสัตยนารายัณ ราชู เป็นนักบวชชื่อดังของอินเดียใต้ แห่งรัฐทมิฬนาฑู เขาสามารถระลึกชาติได้ว่าตนเอง เป็น สาอี บาบา แห่งศิรฑีกลับชาติมาเกิด จนกลายเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร "สัตยะ สาอี" มีคำสอน คือ "คนเราเกิดมา ความรักมันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดีเสมอไป"
หลักการ คือ สมาธิที่แท้จริงคือการที่จิตใจของเราอยู่กับพระเจ้า หรือพุทธะหรือจิตบริสุทธิ์ตลอดเวลา มันเป็นสภาวะที่จิตใจของเราผูกพันอย่างแนบแน่น จนกลมกลืนเป็นอันหนึ่งเดียวกันกับพระเจ้า หรือจิตบริสุทธิ์ ซึ่งสภาวะนี้ทุกคนสามารถฝึกฝนให้บรรลุได้ด้วยความเพียรพยายาม และพรของพระผู้เป็นเจ้า หรือ พระผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เราเคารพ
แนวทางการฝึกสมาธิ เริ่มต้นฝึกโดยการนึกถึงแสงสว่าง และนำแสงสว่างไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย เพื่อเป็นอุบายให้จิตใจคล้อยตามไปในทางที่ถูกต้อง จนกระทั่งจิตใจสงบขึ้น
ไส บาบา มีเครือข่ายอยู่ทั้งโลก รวมถึงบนเกาะพะงัน ของประเทศไทย ซึ่งอาจมีส่วนในการผูกคอตายของ เอลิส ดาลมานจ์ นักท่องเที่ยวสาวชาวเบลเยียม โดยมีนายรามัน อันเดรียส ชาวเยอรมัน เป็นหัวหน้า แต่จากการลงพื้นที่ของชุดสืบสวน ไม่พบตัวนายรามัน พบเพียงสมาชิกในกลุ่ม 2 คนเป็นชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่จึงสอบทำประวัติไว้ ทราบว่านายรามันเดินทางออกจากประเทศไทยไปยังประเทศอินเดีย เมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ เอลิส ดาลมานจ์ เสียชีวิต
ข้อมูลจากชาวต่างชาติ บนเกาะพะงัน ทราบว่า ลัทธิ ไส บาบา เป็นลัทธิที่เผยแพร่คำสอนเกี่ยวกับโลกหน้า คือโลกหลังความตาย การสะกดจิต การรักษาโรคโดยใช้จิต นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมที่พิสดาร หญิงสาวที่เข้าร่วมกลุ่มลัทธิจะถูกปลูกฝังให้เชื่อว่าผู้นำลัทธิคือพระเจ้า หากยอมพลีกายมีเซ็กซ์กับผู้นำกลุ่ม จะได้รับพลังจากพระเจ้า แต่หากออกจากลัทธิจะไม่ได้ความคุ้มครองจากพระเจ้า และจะมีอันเป็นไป
ลัทธินี้ มีเครือข่ายสาขาอยู่ทั่วโลกมากกว่า 1,200 สาขา ใน 114 ประเทศ โดยประเทศไทยมีสาขาอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวหลายแห่ง จากการตรวจสอบย้อนหลังพบมีสมาชิกของลัทธิที่เคยออกจากลัทธิแล้วเสียชีวิต แล้วหลายรายในหลายพื้นที่ ซึ่งข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อปี 2559 มีนักท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิกกลุ่มลัทธิไส บาบา เคยฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอตายมาแล้วบนเกาะพะงัน
ส่วนจะลัทธินี้ จะเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของ เอลิส หรือไม่ จะเป็นบทพิสูจน์การทำงานของตำรวจไทย เพราะการเสียชีวิตของ "เอลิส" เป็นรายที่ 7 บนเกาะเต่า จนส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวข้องไทย ที่สื่อต่างประเทศให้ฉายาว่า "เกาะฆาตกร