เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 19 มิ.ย.2560 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจากนางพยอม กระแสโท อายุ 53 ปี ชาว อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ว่า นายเกียรติศักดิ์ พันจุย อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 14 ต.เมืองแก อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เสียชีวิตเนื่องจากความสะเพร่ ของการก่อสร้างถนนสาย 214 สุรินทร์-จอมพระ ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณตี 3 ถนนที่กำลังก่อสร้างมืดสนิท ไม่มีการแจ้งเตือนด้วยสัญญาณไฟจราจรหรือป้ายแจ้งเตือนแม้แต่น้อย ประกอบกับสภาพถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ บริเวณปากทางเข้า บ้านบึงนคร ต.บึง อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยลงไปดู และช่วยประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงมาดำเนินการแก้ไขเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวบ้านซึ่งการเสียชีวิตของลูกชายไร้การเยียวยาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ค่าทำศพเพียง 35,000 บาท จาก พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ โดยบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เท่านั้นเอง
เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบข่าวจึงได้ทำการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ได้รับผลกระทบเข้าร่วมประชุม ที่สำนักงานโครงการก่อสร้างถนนสุรินทร์-จอมพระ ตอนที่ 1 เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยมีผู้อำนวยการแขวงการทางสุรินทร์ นายอำเภอเขวาสินรินทร์ นางกรรณิกา เจริญพันธ์ อดีต ส.ส.สุรินทร์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ อ.เมืองสุรินทร์ และ อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า การดำเนินการก่อสร้างตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้รับจ้างไม่ค่อยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟเตือนต่างๆ ที่มีน้อยมาก ส่งผลให้การเดินทางตอนกลางคืนลำบากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไฟสัญญาณเตือนมีไม่เพียงพอและมืด อีกทั้งดินที่นำมาถมเกาะกลางก็ล้นมากองอยู่บนผิวถนน หากผู้ใช้เส้นทางนี้มาจากที่อื่น ก็อาจจะประสบอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกวินาที บางจุดมีเพียงยางนอกรถยนต์ทาสีขาวแดง และมีเพียงป้ายไม้อัดทาสีขาว-แดง ติดสติกเกอร์สะท้อนแสงเพียงอันเดียว ทั้งป้ายใช้ไม้ยูคามาวางปักเป็นสัญลักษณ์ไว้เท่านั้น โดยเฉพาะกลางคืนที่มืดทำให้ประชาชนที่สัญจรมองไม่เห็นและเป็นอันตรายได้ และโดยเฉพาะยางมะตอยที่ใช้ลาดยาง ไหลเปรอะเปื้อนไปอีกช่องจราจร ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
นางพยอม กระแสโท อายุ 53 ปีกล่าวว่า ลูกชายคือความหวังของครอบครัว จบการศึกษา ป.ตรี เตรียมรอสอบบรรจุครู ได้ขนของกลับบ้าน เพื่อจะไปสอนที่โรงเรียน กลับมาเจอถนนแบบนี้ ทำให้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร ลูกชายฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนบ้านบัวโคก พอลูกชายเสียชีวิต ไร้หน่วยงานเหลียวแล ได้เงินเพียง 35,000 บาท จากที่ทำประกัน พ.ร.บ.ไว้กับรถจักรยานยนต์ มาช่วยเยียวยาครอบครัว ส่วนเพื่อนคนขับรถจักรยานยนต์อาการสาหัส ถึงคราวโชคร้ายเมื่อลูกชายซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ปกติจะต้องนั่งรถยนต์โดยสารประจำทางกลับบ้านเป็นประจำ วิงวอนผ่านสื่อถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยากให้เข้ามาดูแล เยียวยาสภาพจิตใจที่เราได้สูญเสีย ลูกชายที่เป็นความหวังของแม่ และกำลังหลักของครอบครัว หมดไปทุกอย่างพร้อมๆกับชีวิตลูกชายที่เสียชีวิตไป ตนจะดำเนินการฟ้องร้องคดีความ และพร้อมจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เพื่อร้องขอความเป็นธรรมให้ตนเอง ในฐานะผู้เป็นแม่ และอีกหลายชีวิตที่ต้องมาเสียชีวิตบนถนนเส้นนี้ ตนขอให้ชีวิตของลูกชายเป็นบทเรียนของถนนเส้นนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชนคนสุรินทร์ และผู้ใช้รถใช้ถนน อยากให้การก่อสร้างถนน ให้มันดีกว่านี้ ไม่ใช่อย่างงี้
ด้านนายธงยศ ไทยยิ่งยง นายช่างโครงการก่อสร้างถนนสุรินทร์-จอมพระ ตอนที่ 1 กล่าวว่า เบื้องต้นทางโครงการ ยินดีรับฟังทุกๆความคิดเห็นปัญหาอุปสรรคต่างๆ จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งทางโครงการก็รับไว้ ยินดีที่จะดำเนินการเป็นช่วงๆ เป็นจุดๆไป อย่างอุบัติเหตุ ได้ดำเนินการเร่งปูผิวการจราจร กำลังเร่งตีเส้นจราจร ให้ชัดเจนเพื่อลดอุบัติเหตุ ส่วนจุดกลับรถก็ต้องนำเสนอคณะกรรมการตรวจการจ้าง เพื่อพิจารณาเห็นชอบอีกครั้งหนึ่งว่าที่ตรงไหนเหมาะสมเพื่อดำเนินการแก้ไข ส่วนเรื่องการบริหารการจราจร ระหว่างการก่อสร้างถนน ได้จัดเจ้าหน้าที่ ตลอด 24 ช.ม.ในการวิ่งสำรวจตลอดเวลา มีการรายงานทุกๆเช้า จุดไหนที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆจะมีการสั่งการเพื่อแก้ไข วันต่อวัน อย่างป้ายเตือน สัญญาณจราจร เราสั่งเสริม สั่งผลิตเพิ่ม แบริเออร์มีการสั่งเพิ่ม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น มี หจก.สวรรค์ประทานพรขนส่ง เป็นผู้รับจ้าง สัญญางาน 570 วัน งบประมาณก่อสร้าง 326 ล้านบาทเศษ วันสิ้นสุดสัญญาคือ วันที่ 21 สิงหาคม 2560 นี้