"สุเทพ" แจงไม่มีบารมีการเมือง "แค่กำนันแก่ๆ"

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.) กล่าวว่า ที่ตนประกาศว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกแล้ว และจะไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาลไหนอีกแล้ว ตรงนี้ชัด แต่มีคนไปตีความกันว่า ตนจะไม่เล่นการเมือง ตรงนี้ไม่ใช่ การเมืองเป็นเรื่องของประชาชน ต้องทำการเมืองให้เป็นของประชาชนโดยประชาชน แต่ตอนนี้ตนก็ไม่เข้าใจทำไมคนมองกันว่า ตนเป็นตัวแปรทางการเมือง หรืออาจจะเคยเห็นว่าตนเคยเป็นผู้จัดการรัฐบาล แต่อย่าคิดไกลกันไป ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้ประกาศชัดเจนในฐานะที่เป็น กปปส.ขอยกย่อง ชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ที่ออกมายึดอำนาจ ถึงแม้ว่าเราไม่ต้องการเรียกร้องให้ปฏิวัติ เขากล้าดำเนินการหลายอย่างที่ เช่นเรื่อง ปราบคอร์รัปชั่น เขียนรัฐธรรมนูญเพื่อเป็นกรอบในการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ

ส่วนกรณีที่มีการมองว่านายสุเทพยังมีบารมีทางการเมืองนั้น นายสุเทพกล่าวว่า เวลานี้ไม่มีบารมีอะไร ตอนนี้เป็นลุงกำนันแก่ๆ คนหนึ่ง เป็นประธาน มปท. ทำวิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ และการที่มีคนออกมาพูดว่า ยังมีบารมีถึงขั้นการเป็นผู้จัดการรัฐบาลนั้น ก็คงเป็นความคิดของเขา เราคงห้ามไม่ได้ แต่เราอย่าไปเพลิดเพลินกับสิ่งที่เขาพูดเราต้องเป็นตัวเรา

เมื่อถามว่า วิเคราะห์การเมืองหลังการเลือกตั้งไว้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ใช่หมอดู ไม่สามารถที่จะพูดได้ แต่สิ่งที่คาดหวัง คือ อยากจะเห็นนักการเมืองปฏิญาณกับตัวเองว่า จะทำการเมืองเพื่อประชาชน ถ้าใครได้พิสูจน์ตัวเองแบบนี้ ก็จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน ตนเคยพูดนักการเมืองที่ไปหาตอนที่บวช ว่าจะไม่กลับเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ถ้าพรรคการเมืองรวมหัวกันรุมถล่มพล.อ.ประยุทธ์ อย่างนี้ ตนจะลุกขึ้นช่วยนายกฯ เพราะในความรู้ของมวลมหาประชาชน เราถือว่าเขากำลังทำหน้าที่ต่อสู้ ต่อจากที่ประชาชนทำเมื่อปี 2556-2557 เขากำลังทำหน้าที่แทนประชาชน

ส่วนที่มีการกล่าวว่ามีการ ส่งแกนนำกปปส. เพื่อไปยึดพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า จะไปยึดทำไม พรรคประชาธิปัตย์ วันนี้เป็นลุงกำนันก็สบายดีแล้ว อย่าว่า จะไปช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เลยมีแต่นายอภิสิทธิ์ มายกมือไหว้ บอกว่าช่วยมาเป็นหัวหน้าพรรคแทนที ก็ยังไม่เอาเลย เพราะไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว และไม่รู้จะไปจัดการอย่างไรกับคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์หลายคนที่รู้สึกว่า น่ากังวลใจ แต่ว่าถ้าเพื่อนๆ พี่น้อง 7-8 คนที่กลับไปพรรค กลับไปพร้อมกับแนวความคิดใหม่ ที่ได้เรียนรู้จากเวลา 204 วัน แล้วเอาความคิดนี้ไปเผยแพร่ในพรรค จนทำให้คนในพรรคมีแนวความคิดใหม่ๆตามไปด้วยนั้น อันนี้ไม่ใช่การยึดพรรค แต่เป็นการปรับแนวความคิด

เมื่อถามว่าควรมีการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตามสถานการณ์บ้านเมือง หรือ ตัวพรรคประชาธิปัตย์เองควรมีการปรับปรุงอะไรบ้างนายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ขอตอบเรื่องตัวบุคคล แต่คิดว่าพรรคการเมืองทุกพรรค รวมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ควรปฏิรูปตัวเอง ให้เข้ากับการปฏิรูปประเทศมันถึงจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชน