ศาลปกครองกลางยกฟ้อง ภาคปชช.ขอให้เพิกถอนสัมปทานปิโตรเลียม ครั้งที่ 21

ได้ยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานเเห่งชาติ, คณะกรรมการนโยบายพลังงานเเห่งชาติ, คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ, คณะกรรมการ บมจ.ปตท. เเละ บมจ.ปตท.สำรวจเเละผลิตปิโตเลียม, รมว.พลังงาน, อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-6 กรณีที่อนุมัติให้ออกสัมปทานปิโตรเลียม ตามประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่อง เขตพื้นที่แปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกและในทะเลอ่าวไทยที่เปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม (รอบที่ 21) ลงวันที่ 30 กันยายน 2557 โดยไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน
โดยคดีนี้ยื่นฟ้องต่อเเผนกคดีสิ่งเเวดล้อมในศาลปกครองกลาง หมายเลขดำ ส.30/2558 เพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องที่ 6 ระงับหรือยับยั้งการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเเปลงสัมปทานรอบที่ 21เพื่อเเก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม พ.ศ.2514 ให้ถูกต้องตามกฎหมายเเละเจตนารมณ์ก่อน พร้อมทั้งขอให้ศาลกำหนดวิธีการคุ้มครองชั่วคราวเพื่อสั่งให้ผู้ถูกฟ้องทั้ง 6 ระงับหรือยกเลิก ประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เรื่องเขตพื้นที่เเปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกเเละทะเลอ่าวไทยลงวันที่ 30 กันยายน 2557
ทั้งนี้ศาลปกครองกลางพิเคราะห์ข้อเท็จจริงเเละข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเเล้ว เห็นว่าการประกาศเขตพื้นที่เเปลงสำรวจปิโตรเลียมดังกล่าวเป็นเพียงการคาดว่า เเนวเขตพื้นที่ที่ประกาศน่าจะมีศักยภาพปิโตรเลียม เพื่อประกาศกำหนดเขตพื้นที่เเปลงสำรวจให้เอกชนผู้สนใจลงทุนยื่นขอสิทธิสำรวจเเละผลิตปิโตรเลียมเท่านั้น ในขั้นตอนนี้จึงยังไม่ได้มีการดำเนินการตามมาตราฐานในการค้นหาปิโตรเลียม กรณีจึงยังไม่อาจถือได้ว่าการประกาศเขตพื้นที่เเปลงสำรวจปิโตรเลียมฯ จะมีผลกระทบต่อการที่รัฐจะเสียประโยชน์ตามที่ผู้ฟ้องอ้างมาในคำฟ้อง
ดังนั้นการที่ผู้ถูกฟ้องที่ 6 ออกประกาศกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติฯ จึงเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ที่ พ.ร.บ.ปิโตเลียม พ.ศ.2514 มาตรา 28 ที่กำหนดเเล้ว ส่วนขั้นตอนต่อไปผู้ถูกฟ้องที่ 5 ก็จะออกประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจยื่นคำขอสิทธิสำรวจ เเต่อย่างไรก็ดี ระหว่างการพิจารณาของศาลปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องที่ 5 ได้ยกเลิกประกาศการยื่นคำขอสิทธิสำรวจเเละผลิตปิโตรเลียมครั้งที่ 21 และประกาศที่เเก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมด ซึ่งมีผลให้ประกาศการยื่นคำขอสิทธิสำรวจเเละผลิตปิโตรเลียมครั้งที่ 21 เป็นอันสิ้นผลไป จึงไม่มีกรณีที่ศาลจะออกคำบังคับ จึงพิพากษายกฟ้อง