svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.พบปมอุ้มเหยื่อชาวญี่ปุ่น ที่แท้แค้นใจถูกแจ้งจับเหตุลักทรัพย์มูลค่า 15 ล้านเยน

11 มิถุนายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตำรวจเร่งคลี่ปมแก็งยุ่นอุ้มเหยื่อนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น ที่แท้แค้นใจถูกผู้เสียหายแจ้งจับเมื่อ 3 ปีก่อน เหตุเข้าไปรับเหมาต่อเติมบ้านแล้วฉกไวน์ชั้นดี และของโบราณทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่า 15 ล้านเยน พบไม่เกี่ยวข้องกับแก็งยากูซ่า

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าช่วยเหลือ นายวาตานาเบ้ ซินามิ อายุ 56 ปี นักธุรกิจเจ้าของบริษัทจำหน่าย เครื่องมือแพทย์ หลังถูกนายเลโอ สึรุโซเอะ อายุ 41 ปี นายคิโยโตะ มิยาตะ อายุ 57 ปี และนายมาซาโตะ โคบาริ อายุ 49 ปี ทั้งหมดเป็นชาวญี่ปุ่น จับตัวกักขังไว้ในห้องพักเลขที่ 719 ชั้น 7 อพาร์ทเม้นต์ แกรนด์ ไฮ เทค ทาวเวอร์ ภายในซอยเอกมัย 23 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ (11 มิ.ย.) มีรายงานจากชุดสืบสวนว่า ภายหลังการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามราย ประกอบไปด้วยนายมาซาโตะ โคบาริ(Masato Kobari) นายเลโอ สึรุโซเอะ(Reo Tsuruzoe) และนายคิโยโตะ มิยาตะ(Kiyoto Miyata) ก่อนคุมตัวมาสอบปากคำ ซึ่งภายหลังการสอบปากคำทั้งสามคน ได้เปิดปากถึงปมในการก่อเหตุว่า มีปัญหากับนายวาตานาเบ้ มาก่อนหน้านี้ ประกอบกับมีความแค้นที่ถูกนายวาตานาเบ้ แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน โดยนายวาตานาเบ้ มีเรื่องขัดแย้งกับผู้รับเหมาชาวญี่ปุ่นด้วยกัน และครั้งนั้นนายวาตานาเบ้ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างนายคิโยโตะ รับเหมางานตกแต่งต่อเติมบ้านลูกค้าที่ประเทศญี่ปุ่นให้ มีนายเลโอ ผู้ต้องหาเป็นช่างก่อสร้าง ต่อมางานเสร็จไม่ทันเวลา ทำให้ลูกค้าปรับนายคิโยโตะวันละ 1 หมื่นเยน
ต่อมายังทราบอีกว่านายเลโอ ได้ยักยอกทรัพย์สินของบ้านลูกค้าที่เข้าไปตกแต่งต่อเติม ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็น ไวน์ชั้นดี และของโบราณทรัพย์สินอื่นๆรวมมูลค่า 15 ล้านเยน โดยทรัพย์สินที่ถูกนายเลโอขโมยไปนั้น ถูกนำไปประมูลในอินเตอร์เน็ต และตามตลาดมืดต่างๆ จนถูกนายวาตานาเบ้ แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งภายหลังทางเจ้าหน้าที่ตำรวจญี่ปุ่นได้สืบทราบ เนื่องจากทรัพย์สินบางรายมีโค๊ดสินค้า จึงขยายผลและนำไปสู่การออกหมายจับนายเลโอและพวก รวมทั้งดำเนินการเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นเงิน จำนวน 35 ล้านเยน

ตร.พบปมอุ้มเหยื่อชาวญี่ปุ่น ที่แท้แค้นใจถูกแจ้งจับเหตุลักทรัพย์มูลค่า 15 ล้านเยน



ทั้งนี้ หลังก่อเหตุนายเลโอได้หลบหนีมาที่ประเทศไทย ตั้งแต่เดือน เม.ย. ก่อนจะชักชวนนายมาซาโตะ ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว เมื่อเข้ามาประเทศไทยได้ว่าจ้างนายคิโยโตะ ที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยให้มาขับรถ ในราคา 6 หมื่นบาทต่อเดือน ประกอบกับจังหวะที่นายวาตานาเบ้ ได้เข้ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือการแพทย์ในประเทศไทย มีภรรยาเป็นคนไทยพักอาศัยย่านแจ้งวัฒนะ ซึ่งตัวของนายคิโยโตะ ก็มีปัญหากับนายวาตานาเบ้ เนื่องจากนายวาตานาเบ้ ได้ว่าจ้างให้นายคิโยโตะ ปรับปรุงอาคารสำนักงานที่ ซ.สุขุมวิท 49 ซึ่งเป็นบริษัทที่ผู้เสียหายขยายกิจการมาจากประเทศฮ่องกง ซึ่งนายคิโยโตะ ได้ไปจ้างบริษัทรับเหมาในไทยดำเนินการ แต่นายคิโยโตะ ไม่ยอมจ่ายเงินให้ผู้รับงาน และทำงานไม่เสร็จตรงตามกำหนด ทำให้ถูกปรับเงินในส่วนนี้ ทำให้มีประเด็นความขัดแย้งกันอีก
ในส่วนกรณีที่ชุดสืบสวนพบนิ้วก้อยข้างซ้ายของนายมาซาโตะ ถูกตัดหายไปและมีรอยสักคล้ายกับการเป็นสมาชิกแก๊งยากูซ่านั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงในกลุ่มฐานข้อมูลคนร้ายของตำรวจญี่ปุ่น ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มยากูซ่า ปลายแถว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นการก่อเหตุหลักๆไว้ว่า นายเลโอที่มีปัญหาส่วนตัวกับนายวาตานาเบ้ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ยังต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้งว่า ใครเป็นผู้ลงมือกระทำการใดบ้าง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 3 ให้การไม่ตรงกัน ประกอบกับปัญหาเรื่องการสื่อสารจึงต้องใช้เวลาในการสอบสวน เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาทั้ง 3 ราย กักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนในเรื่องการเรียกค่าไถ่กับอุ้มฆ่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตั้งข้อหาได้ เนื่องจากผู้เสียหายยังไม่พร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ ต้องรอทางสถานทูตญี่ปุ่นส่งล่ามแปลภาษามาช่วยพนักงานสอบสวน ในการสอบสวนผู้ต้องหา ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ ในช่วงเช้าของวันที่ 12 มิ.ย. ต่อไป

logoline