ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาได้สอบปากคำเจ้าของและผู้จัดการกิจการคาราโอเกะใน จ.ท่าขี้เหล็ก ทราบว่าทั้ง 3 คนได้ไปติดต่อจะไปทำงานและพักอาศัยที่ห้องพักบริเวณใกล้เคียงกัน โดยทราบเบาะแสว่าผู้ที่นำพาทั้ง 3 คนหลบหนีไปชื่อว่านาย "เก้า" เป็นคนไทยมีอายุประมาณ 20-25 ปี โดยมีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และจากการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่งทำให้ทราบว่านายเก้าวนเวียนอยู่แถวร้านคาราโอเกะดังกล่าวมาขณะหนึ่งแล้ว เป็นคนชอบเที่ยวกลางคืนและมีรอยสักตรงคอถึงคาง
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่เมียนมาได้ระบุว่าผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะที่นำมาสอบปากคำได้ให้การว่าไม่ได้รู้จักกับนายเก้าเป็นการส่วนตัว และช่วงที่หญิงสาวทั้ง 3 คนเดินทางเข้าไปในท่าขี้เหล็กเพื่อสมัครงานก็ได้ไปพักที่ห้องพักแห่งหนึ่งใกล้ร้านอาจทำให้ไปทำความรู้จักกันกับนายเก้าช่วงนั้นก็ได้ ซึ่งคาดว่าหนึ่งในกลุ่มของ น.ส.ปรียานุช หรือ "เปรี้ยว" ได้เข้าไปทำความรู้จักกับนายเก้าแล้วขอให้พาเดินทางออกไปจากที่พักตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา จนกระทั่งช่วงเช้ามืดทางผู้ประกอบการร้านคาราโอเกะก็อ้างว่าไม่ได้พบเห็นบุคคลทั้งหมดอีกเลย โดยไม่ทราบด้วยว่าพากันไปที่ใดและไม่ทราบว่าปัจจุบันนายเก้ายังอยู่กับทั้ง 3 คนอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่านายเก้ามีภรรยาอยู่ที่เมืองโกนั้นแท้ที่จริงเป็นเพียงแค่หญิงสาวที่คบหากันนอกสมรสเท่านั้น หลังจากทราบตัวบุคคลทำให้เจ้าหน้าที่สามารถนำมาวิเคราะห์เส้นทางหลบหนีเพื่อให้แคบลงได้ ขณะที่ตามถนนบางสายโดยเฉพาะท่าขี้เหล็ก-เชียงตุง ทางเจ้าหน้าที่มีการตั้งจุดตรวจหลายจุดแล้ว