svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

อธิบดีกรมศุลกากรแจง กรณีดีเอสไอยึดรถหรู ต้องสงสัยเลี่ยงภาษี

02 มิถุนายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อธิบดีกรมศุลกากร ชี้แจง กรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ. บุกยึดรถหรูต้องสงสัยเลี่ยงภาษี ระบุให้เจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนแล้ว และหากพบผู้กระทำผิดพร้อมส่งเรื่องให้ ปปช.เชือด

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 มิ.ย.2560 ที่กรมศุลกากร นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ชี้แจงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ได้ตรวจยึดรถหรูจำนวน 160 คันในขบวนการนำเข้ารถหรูเสียภาษีต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 2,900 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 และ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยะมีกระแสข่าวว่า กรมศุลกากรได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 9 คน ซึ่งในนั้นมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอยู่ด้วยนั้น ว่า ทั้งการชี้แจงต้องแบ่งออกเป็น 3 กรณี คือ 1.กรณีเมื่อปี พ.ศ.2552-2553 ที่ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้กล่าวหาเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรว่า ได้มีการคืนภาษีอากรให้กับบริษัทนำเข้ารถโดยมิชอบ และส่งสำนวนมาให้กรมศุลกากรสอบสวนต่อ โดยมีการชี้แจ้งรายละเอียดภายใน 90 วัน ซึ่งทางกรมศุลกากรได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องจำนวน 9 คนแล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นในปัจจุบันที่เอามารวมกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องเข้าใจว่าเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ และทางกรมศุลกากรก็ได้มีการดำเนินการและรายงานผลอยู่ตลอด
นายกุลิศ กล่าวอีกว่า กรณีที่ 2 ที่เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2555-2556 ที่มีรถหรูถูกไฟไหม้และมีรถจดประกอบเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังมีการนำเข้ารถใหม่ ที่มีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการสอบสวนเจ้าหน้าที่หลายร้อยคน และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่วมสอบสวนด้วย ว่ามีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงหรือไม่ ส่วนกรณีที่ 3 คือกรณีล่าสุดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ. ได้มีการตรวจสอบรถหรู ที่มีการสำแดงราคาต่ำกว่าราคาจริง และสามารถยึดรถหรูต้องสงสัยได้กว่า160 คัน จนมีกระแสข่าวว่าคนพวกนั้นผ่านกรมศุลกากรมาได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ทำอะไรอยู่ ขอชี้แจงว่า ทางดีเอสไอ.ได้ราคาอย่างเป็นทางการ จากประเทศต่างๆ โดยมีการขอราคานานเป็นปี ส่วนราคาที่กรมศุลขอไปจะไม่สามารถเป็นราคาที่อ้างอิงได้ แต่ทางดีเอสไอ. ได้ขอผ่านทางสนธิสัญญาที่มีข้อตกลงร่วมกันของกระทรวงยุติธรรมในประเทศนั้น โดยจะส่งราคาที่แท้จริงมาให้ ซึ่งทางดีเอสไอ.ได้แจ้งมายังกรมศุลกากร โดยทางเรายินดีที่จะทำงานร่วมกัน โดยไม่ต้องส่งหนังสือมาให้ตรวจสอบ
นายกุลิศ กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนกระบวนการในการสำแดงรถหรูนั้น ทางบริษัทที่นำเข้าจะต้องนำใบสำแดงราคามายื่นให้กับกรมศุลกากร โดยทางกรมศุลกากรก็จะมีการตั้งราคากลางไว้ในใจ ซึ่งอาจจะไม่ใช้ราคาจริงที่ขายในท้องตลาด นอกจากนี้กรมศุลกากรไม่ได้มีหน้าที่ในการกำหนดราคา และไม่สามารถรู้ได้ว่า ผู้ขายและผู้ซื้อตกลงราคาซื้อขายจริงๆ กันไว้ที่เท่าไร ต่อให้กรมศุลไปขอราคากลางจากบริษัทต่างๆมาประเมิน ก็อาจจะไม่ได้ราคาที่แท้จริง และถ้าเจ้าหน้าที่สงสัยว่ารถหรูนี้ มีการสำแดงต่ำก็ต้องมีหลักฐาน เพราะข้อสงสัยของเจ้าหน้าที่อย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการดำเนินการ ซึ่งตรงข้ามกับการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะมีสนธิสัญญาและความสัมพันธ์ทางข้อกฎหมายกับประเทศต่างๆ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ สามารถขอราคาขายจริงของรถหรูต่างๆได้ ซึ่งหลังจากนี้ทางกรมศุลกากรจะประสานข้อมูลกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อทำการตรวจสอบราคารถหรูที่จะนำเข้ามาในอนาคต และจะทำประวัติเกี่ยวกับบริษัทฯ ที่นำเข้ารถหรู โดยมีการสำแดงราคาต่ำและความผิดในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการเฝ้าระวังการนำเข้าของบริษัทต่างๆ เพราะในแต่ละวันมีสินค้านำเข้ามากมาย ไม่ใช่แค่เพียงรถหรูเท่านั้น ใบสำแดงเข้ามาแต่ละวันมีมากหลายพันใบ เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบอาจจะตรวจสอบได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งฐานข้อมูลประวัติบริษัทแต่ละบริษัท จะทำให้แยกบริษัทฯที่ดี และบริษัทที่เคยมีประวัติทำผิดกฎหมายออกกันได้ เพื่อง่ายต่อการเฝ้าระวัง
นายกุลิศ กล่าวด้วยว่า ส่วนรถโจรกรรมที่หน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์สหราชอาณาจักร(NaVCIS) หรืออังกฤษ ที่ส่งข้อมูลมาให้จำนวนกว่า 40 คันนั้น เราก็ได้ทำการตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง และได้อายัดรถไว้จำนวน 4 คัน เพื่อรอตรวจสอบ ส่วนเรื่องราคาก็ได้ตั้งกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทางกรมศุลกากรไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ ต้องเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษในการสืบสวนต่อไป โดยสิ่งที่กรมศุลกากรทำมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ในวันนี้ทางกรมศุลกากรจะดำเนินการตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ด้วยการรื้อระบบในเรื่องของการประเมินราคารถ โดยใช้ราคารถที่ดีเอสไอ. ส่งมาเป็นฐานกำหนด เพื่อให้ราคาเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็จะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร ถ้าเข้าไปมีส่วนร่วม หรือร่วมกับผู้นำเข้ากระทำการอันมิชอบ ทางเราก็จะส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อไป และผมขอยืนยันว่าในยุคนี้ ผมจะทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสอบสวนข้อเท็จจริง ถูกต้อง โปร่งใส และให้ความเป็นธรรม กับทุกฝ่าย

logoline