svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

สวทช.หยุดสนับสนุนและให้ทบทวน การติดสัญญาณดาวเทียม "พะยูน"

24 พฤษภาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สวทช. หยุดการสนับสนุน และขอให้มีการทบทวนการติดสัญญาณดาวเทียมจากพะยูน ยันเทคโนโลยีที่ใช้ ยังมีข้อโต้แย้งด้านผลกระทบและยังหาข้อยุติไม่ได้ เพื่อเป็นการอนุรักษ์พะยูนที่ยั่งยืน และการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน

จากกรณีการ "เรียกร้องปลดสัญญาณดาวเทียมติดตามตัวพะยูน" ทาง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขอชี้แจงและให้ข้อมูลเกี่ยวกับกรณีข่าวดังกล่าว ดังนี้
จากการที่ สวทช. ได้หารือร่วมกันใน "โครงการบูรณาการทางวิชาการเพื่อการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลอย่างยั่งยืน บริเวณหาดหยงหลำ และเกาะมุก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม" เห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ 
สวทช. ได้ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.) โดย อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม,  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และจังหวัดตรัง ให้การสนับสนุนทุนการวิจัยและพัฒนาเพื่อหาแนวทางการพัฒนาการวิจัยและการบริหารจัดการในพื้นที่หาดหยงหลำเกาะมุก อุทยานแห่งชาติเจ้าไหม จังหวัดตรัง 
โดยมีเป้าหมายในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเลบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมในลักษณะองค์รวมด้วยการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศที่สำคัญคือ หญ้าทะเล และสัตว์ป่าสงวนพะยูน รวมทั้งสัตว์หน้าดินต่างๆ 
เพื่อให้โครงสร้างทรัพยากรธรรมชาติคงไว้ซึ่งความสมดุล เกิดการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรชายฝั่งทะเลได้เหมาะสมเข้ากับบริบทของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นแนวทางการจัดการอนุรักษ์และฟื้นฟูหญ้าทะเล พะยูน และการจัดการทรัพยากรชายฝั่งทะเล ตลอดจนส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนทั้งปัจจุบันและในอนาคตอย่างยั่งยืน
การดำเนินงานโครงการแบ่งส่วนการทำงานดังนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) โดย อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ทำหน้าที่ดูแลและบำรุงรักษาพื้นที่หลักในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการศึกษาวิจัยและห้องทดลองทางธรรมชาติวิทยา 
รวมทั้งการจัดการการท่องเที่ยวในลักษณะการสื่อความหมายธรรมชาติ และนันทนาการ ส่วนของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ให้การสนับสนุน ส่งเสริมและเผยแพร่ผลงาน เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนทั่วไป  และใช้พื้นที่หาดหยงหลำ เกาะมุก อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เป็นกรอบสำหรับงานวิจัยเชิงพื้นที่ของ ม.อ. 
ซึ่งมีกลไกภายในสำหรับสนับสนุนการวิจัยของคณาจารย์และนักศึกษาของ ม.อ. ให้ทำงานวิจัยในพื้นที่ดังกล่าว โดยใช้งบประมาณของ ม.อ. และจังหวัดตรังให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานในพื้นที่ของจังหวัดส่งเสริมและบูรณาการ รวมทั้งนำความรู้ไปส่งเสริมการท่องเที่ยวหรือการบริหารจัดการด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจังหวัด
สวทช. เห็นประโยชน์ของการวิจัยและพัฒนาเชิงนิเวศในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระบบนิเวศ ครบวงจรเพื่อให้การอนุรักษ์พะยูนไม่ให้สูญพันธุ์ ซึ่งรวมถึงการรักษาเขตบริเวณโดยรอบในถิ่นที่อาศัย  หญ้าทะเลที่เป็นแหล่งอาหารของพะยูน เป็นต้น 
จึงได้สนับสนุนโครงการดังกล่าว ด้วยการให้ทุนสนับสนุนหน่วยงานในการวิจัยและพัฒนา โครงการที่สำคัญ เช่น การศึกษาขอบเขตและการแพร่กระจายของหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของพะยูน การศึกษาผลกระทบของตะกอนดินซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของหญ้าทะเล 
โดย ม.อ. การใช้โดรนติดตามจำนวนประชากรของพะยูน และการติดสัญญาณดาวเทียมเพื่อติดตามพฤติกรรมและเส้นทางการหากินของพะยูน โดย อส. 
และผลงานวิจัยในช่วงที่ผ่านมา พบหญ้าทะเลทั้งสิ้น 7 ชนิด โดยหญ้าคาทะเล (Enhalus acoroides) เป็นหญ้าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นชนิดเด่นโดยมีความถี่ในการพบประมาณร้อยละ 40.7 ด้านปัจจัยทางกายภาพและทางเคมี มีการสำรวจเปรียบเทียบในช่วงก่อนน้ำท่วม (เดือนพฤศจิกายน) และหลังน้ำท่วม (เดือนธันวาคม กุมภาพันธ์) 
โดยพบว่าไม่มีความแตกต่างกัน ลักษณะหญ้าทะเลมีภาวะสมบูรณ์ สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้ ได้จัดทำแผนที่หญ้าทะเลโดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์อากาศยานขนาดเล็ก พบหญ้าทะเลในพื้นที่ศึกษาประมาณ 7 ตารางกิโลเมตร
สำหรับข่าวที่ได้รับการเผยแพร่ในหน้าหนังสือพิมพ์ และสื่อทีวีเรื่อง "โครงการติดสัญญาณดาวเทียมที่ตัวพะยูน" กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช (อส.) โดย อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ดำเนินการในการติดสัญญาณดาวเทียมพะยูน 
ซึ่งเทคโนโลยีที่ใช้ ยังมีข้อโต้แย้งด้านผลกระทบและยังหาข้อยุติไม่ได้ 
ดังนั้น สวทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนทุนวิจัย  ได้พิจารณาแล้วจึงขอหยุดการสนับสนุนและได้ประสานกับผู้ที่เกี่ยวข้องให้มีการทบทวนการติดสัญญาณดาวเทียมจากพะยูนครั้งนี้ เพื่อการอนุรักษ์พะยูนที่ยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนตามเจตนารมณ์ของโครงการต่อไป
อนึ่ง..สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีเป้าหมายในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) และสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ รวมถึงการสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดการนำ วทน. มาใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

logoline