ร่วมกันจับกุม นายสุรชนนพภพ รุ่งรัตนชัย อายุ 57 ปี พร้อมของกลางสัตว์ป่าคุ้มครองประกอบด้วยเต่า จำนวน 39 กระสอบ วรนุช จำนวน 17 กระสอบ ในข้อหาครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวนสัตว์คุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาค้าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองโดยผิดกฎหมาย และข้อหาช่วยซ่อนเร้นจำหน่าย ซื้อ รับ โดยประการใดซึ่งสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 38 ซ.เพชรเกษม 68 แยก 25 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.เอกสฤษดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ได้ปฏิบัติหน้าที่ออกตรวจตราพื้นที่ตามปกติ และรับแจ้งจากชาวบ้านว่าบ้านหลังดังกล่าวมีพฤติการณ์น่าสงสัย ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่ 3 วัน จนทราบว่ามีการลักลอบค้าขายสัตว์ป่าคุ้มครอง จึงนำหมายค้นศาลอาญาธนบุรีที่ 115/2560 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2560 เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปทส. จากการตรวจสอบพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิด พบของกลางซุกซ่อนอยู่หลังกำแพงหน้าบ้าน โดยมี นายสุรชนนพภพ พักอาศัยอยู่ภายในบ้านและดูแลบ้านหลังดังกล่าว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและทำการจับกุม เบื้องต้นนายสุรชนนพภพให้การภาคเสธรับว่าแค่รับฝากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ และจะทำการสืบสวนขยายผลต่อ ซึ่งเชื่อว่าเต่าและวรนุชที่ตรวจยึดได้จะนำมาพักรวบรวมไว้ให้ได้จำนวนมาก ก่อนจะลักลอบส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน หลังจากนี้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำสัตว์ป่าคุ้มครองที่ตรวจยึดได้เอาไปอนุบาล บำบัด ฟื้นฟู เพื่อส่งคืนธรรมชาติต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสุรชนนพภพส่งพนักงานสอบสวนบก.ปทส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งนำสัตว์ป่าคุ้มครองที่ตรวจยึดไว้ ไปแบ่งแยกประเภทเต่าและตรวจนับจำนวนต่อไป อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าการซื้อขายเต่าและวรนุชไม่สามารถทำการซื้อขายได้ เพราะเป็นสัตว์ป่าคุ้งครอง โดยเต่าตัวเล็กจะมีราคาอยู่ที่ตัวละ 100 บาท หากถูกส่งออกไปต่างประเทศจะมีราคาสูงถึง 10 เท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนแรกที่เจ้าหน้าที่จับพิรุธ เนื่องจากได้รับข้อมูลกลิ่นต้องสงสัย จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นกลิ่นของยาเสพติด จึงประสานสุนัขตำรวจเข้าตรวจสอบ แต่ผลปรากฏคือเป็นการลักลอบขนสัตว์ป่าคุ้มครอง