svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คลังสรุปยอดลงทะเบียนคนจน ทะลุ 14 ล้านราย

15 พฤษภาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กระทรวงการคลังสรุปผลการลงทะเบียนคนจนระยะเวลา 1 เดือนครึ่งมีผู้มาลงทะเบียนจำนวน 14 ล้านราย โดยลงทะเบียนผ่านธ.ก.ส.มากสุดกว่า 7.67 ล้านราย รองลงมาเป็นออมสิน 3.66 ล้านราย และ กรุงไทย 2.34 ล้านราย ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป และ เริ่มรับบัตรใช้สิทธิ์รับสวัสดิการเพิ่มได้

ผู้สื่อข่าวรายงานผลการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการรัฐเพิ่มประจำปี 2560 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวานนี้(15พ.ค.)ว่า มีผู้สนใจมาลงทะเบียนผ่าน 3 ธนาคารรัฐจำนวนประมาณ 14 ล้านราย แบ่งเป็น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จำนวน 7.67 ล้านราย( ณ เวลา 16.33 น.) ธนาคารออมสินจำนวน 3.66 ล้านราย( ณ เวลา 15.00 น.)และ ธนาคารกรุงไทย 2.34 ล้านราย(ณ เวลา 15.30 น.)
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)กล่าวว่า เหตุที่ผู้มีรายได้น้อยสนใจลงทะเบียนปีนี้มากกว่า 13 ล้านคน เนื่องจาก ทางรัฐบาลได้ให้ระยะเวลาการลงทะเบียนที่นานถึงหนึ่งเดือนครึ่งจากปีก่อนที่ให้ระยะเวลาการลงทะเบียนเพียง 1 เดือนเท่านั้น ขณะเดียวกัน ยังได้ขยายช่องทางการลงทะเบียนเพิ่มเติมนอกจากธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)และธนาคารกรุงไทย โดยครั้งนี้ได้เพิ่มเติมให้สามารถลงทะเบียนได้ที่คลังจังหวัดทั่วประเทศ และสำนักงานเขตกรุงเทพมหานครด้วย
เมื่อเสร็จสิ้นการลงทะเบียนแล้ว ประชาชนสามารถสอบถามผลการตรวจสอบสิทธิ์ผ่านสายด่วน 1359 ด้วยการแจ้งหมายเลขที่บัตรประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ หรือตรวจสอบผ่าน 3 เว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง www.mof.go.th,www.fpo.go.th, www.epayment.go.th เพื่อตรวจเช็ครายชื่อว่าลงทะเบียนไว้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน จากนั้นกระทรวงการคลังจะส่งข้อมูลตรวจสอบคุณสมบัติทั้งกรมสรรพากร กรมที่ดิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สถาบันการเงิน เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติที่กำหนดไว้
จากนั้นจะเริ่มให้ประชาชนตรวจสอบรายชื่อผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติอีกรอบตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2560 หากไม่ผ่านการตรวจสอบหรือมั่นใจว่า ข้อมูลตกหล่นให้แจ้งเพิ่มผ่านจุดลงทะเบียน จากนั้นราวเดือนตุลาคมจะเริ่มแจกบัตรสวัสดิการให้กับประชาชนเพื่อนำไปใช้บริการ ทั้งรับการโอนเงินจากรัฐบาล การใช้บริการค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ค่าโดยสาร และสวัสดิการอื่นที่รัฐบาลจัดให้
ขณะนี้ กระทรวงคลังกำลังศึกษาเพื่อสรุปและเสนอ ครม.พิจารณา หลังจากกระทรวงการคลังเตรียมตั้งกองทุน 50,000 ล้านบาทรองรับสวัสดิการแห่งรัฐ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสินกล่าวว่า หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยวันนี้เป็นวันสุดท้ายยอดลงทะเบียนอาจเพิ่มมากเป็นพิเศษ จากนั้นธนาคารออมสินจะเร่งบันทึกข้อมูลส่งให้กระทรวงการคลังวันที่ 18 พฤษภาคม คาดว่า จะมีผู้ลงทะเบียนผ่านธนาคารออมสินเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียน 3.3 ล้านคน จากปีก่อนที่มียอดลงทะเบียน 2.5 ล้านคน
ทั้งนี้ ธนาคารออมสินพร้อมดำเนินตามนโยบายรัฐบาลในการดูแล อบรม สร้างอาชีพ สร้างรายได้เสริมให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจนหรือไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปี และต้องร่วมกับหลายหน่วยงานดูแลกลุ่มดังกล่าว เช่น การเคหะแห่งชาติ เพื่ออบรมอาชีพให้กับชุมชนในแฟลตของการเคหะฯ หรือร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ อมรมการทำอาหาร หัตถกรรม ช่างฝีมือ เพื่อสร้างรายได้เสริม เพราะกลุ่มดังกล่าวยังไม่มีกำลังชำระหนี้ แต่เมื่อเข้มแข็งมีกำลังประกอบอาชีพ พร้อมส่งเสริมโครงการ Street Food ปล่อยสินเชื่อผ่อนปรนให้กับพ่อค้าแม่ค้า ยกระดับคุณภาพอาหารให้กับร้านอาหารริมทางให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างชาติได้ชิมอาหารคุณภาพ
นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)กล่าวว่า บรรยากาศการลงทะเบียนผ่านสาขาต่างๆ ของ ธ.ก.ส. ทั่วประเทศคึกคัก โดยคาดว่า วันสุดท้ายของการลงทะเบียนจะมีผู้มาลงทะเบียนผ่านระบบ ธ.ก.ส. กว่า 4 แสนราย มากกว่าปกติที่เฉลี่ยวันละ 3 แสนราย ส่งผลให้ยอดผู้ลงทะเบียนทั้งหมดผ่านระบบ ธ.ก.ส. คาดว่าจะมีจำนวนกว่า 7.7 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีผู้ลงทะเบียน 4.6 ล้านราย ซึ่งขณะนี้
ธ.ก.ส.รวบรวมข้อมูลได้กว่า 80% แล้ว และคาดว่าจะสามารถนำส่งข้อมูลผู้ลงทะเบียนให้กับกระทรวงการคลังได้ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ เบื้องต้นจากข้อมูลพบว่า พื้นที่ที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 3.2 ล้านราย หรือ คิดเป็น 50% ของผู้ที่มาลงทะเบียนทั้งหมด ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดมีผู้มาลงทะเบียนมากที่สุด รองลงมาจังหวัดนครราชสีมา อุบลราชธานี และขอนแก่น
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบพบว่า จากจำนวนผู้ที่มาลงทะเบียน 6 ล้านราย เป็นผู้ที่มีหนี้นอกระบบด้วยถึงจำนวน 4.6 แสนราย ส่วนผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3หมื่นบาทต่อปี มีอยู่กว่า 3.62 ล้านราย แบ่งเป็นเกษตรกร 1.3 ล้านราย , ผู้ว่างงาน 1.3 ล้านราย , นักศึกษา 7 หมื่นราย และอื่นๆ
ส่วนผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี พบว่า ส่วนใหญ่จะเป็นผู้มีอายุตั้งแต่ 46 - 60 ปี
หลังจากนี้ ธ.ก.ส.จะทำการคัดกรองข้อมูลของผู้ลงทะเบียนเพื่อทำการวิเคราะห์และหาแนวทางส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี คาดว่าจะได้ข้อสรุปแนวทางภายใน 1 - 2 เดือนนี้

logoline