svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

มาร์เก็ตแคปหุ้นโลกพุ่งสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ร้อนแรง

27 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มาร์เก็ตแคปหุ้นโลกพุ่งสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางอุณหภูมิปัจจัยเสี่ยงของปัญหาขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกในหลายจุดมีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ดัชนี MSCI ชี้วัดราคาหุ้นใน 46 ประเทศทั่วโลกสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ปรับตัวขึ้น 0.1% จากสถิติสูงสุดเดิม โดยเฉพาะราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นถึง 2% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่เพื่มขึ้น 8.35% นับตั้งแต่ต้นปีนี้

ขณะเดียวกันที่หุ้นสหรัฐเริ่มแตะเบรกการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่ย่อตัวลงทั้ง 3 ตลาดหลักในการซื้อขายวันพุธ หลังจากที่ Nasdaq พุ่งำสถิติสูงสุดทะลุ 6,000 และดาวโจนส์เฉียด 21,000 ในวันอังคารที่ผ่านมา ท่ามกลางปัจจัยลบจากข่าวการยื่นล้มละลายเข้าสู่ Chapter 11 ของ 10 บริษัทธุรกิจค้าปลีกสหรัฐ ซึ่งมีการปิดสาขาและร้านค้าทั่วประเทศแล้วกว่า 3,300 แห่งมาตั้งแต่ต้นปีนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในระยะต่อไป
รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มอาจจะเกิดภาวะ Government Shutdown หากคองเกรสซึ่งกำลังเปิดประชุมุกร่างงบประมาณรายจ่ายรัฐบาล 1.1 ล้านดอลลาร์ไม่สามารถผ่านการพิจารณาได้ทันภายในวันที่ 28 เมษายนนี้ ท่ามกลางความพยายามของทรัมป์ที่จะผลักดันแผนการปฏิรูปภาษีโดยลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% และลดภาษีบุคคลธรรมดาลงเหลือ 3 ระดับที่ 35%, 25% และ 10% จากปัจจุบันที่มี 7 ระดับเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของคนอเมรืกันในช่วงการทำงาน 100 วันแรกของเขา

1.ในขณะที่อุณหภูมิปัจจัยเสี่ยงของปัญหาขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกในหลายจุดมีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสร้างความตึงเครียดต่อบรรยากาศลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกในขณะนี้นั้น กลับพบว่า Market Capitalization ของตลาดหุ้นทั่วโลกได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น
โดยที่ดัชนี MSCI ชี้วัดราคาหุ้นใน 46 ประเทศทั่วโลกสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ปรับตัวขึ้น 0.1% จากสถิติสูงสุดเดิม โดยเฉพาะราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นถึง 2% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่เพื่มขึ้น 8.35% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ในทิศทางเดียวกับที่ราคาหุ้นเทคโนโลยีใน Nasdaq ที่พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดแป็นประวัติการณ์ทะลุ 6,000 และดาวโจนส์พุ่งเฉียดระดับ 21,000 อีกครั้งหนึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามย้ำว่า ราคาหุ้นของ S&P500 ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐนั้นยังมีราคาหุ้นที่ต่ำกว่าจุดที่เคยขึ้นไปสูงสุดอยู่ถึง 1%

2.อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายของหุ้นสหรัฐเริ่มแตะเบรกย่อตัวลงทั้ง 3 ตลาดหลักในการซื้อขายวันพุธลดลงราว 0.02-0.1% ท่ามกลางปัจจัยลบจากข่าวการยื่นล้มละลายเข้าสู่ Chapter 11 ของ 10 บริษัทธุรกิจค้าปลีกสหรัฐ ซึ่งมีการปิดสาขาและร้านค้าทั่วประเทศแล้วกว่า 3,300 แห่งมาตั้งแต่ต้นปีนี้ เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการในระยะต่อไป
จากรายงานของ Fitch บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ระบุรายชื่อของบริษัทค้าปลีกดังกล่าวประกอบด้วย Sears Holdings Corp, 99 Cents Only Stores LLC, Charming Charlie LLC, Gymboree Corp, Nine West Holdings Inc, NYDJ Apparel LLC, rue21, Inc และ True Religion Apparel Inc เป็นต้น โดยที่ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้มีการทยอยปิดสาขาและร้านค้ามาแล้วกว่า 3,300 แห่ง จากที่คาดว่าจะมีการปิดทั้งหมด 8,640 แห่ง เทียบกับปีที่เกิดวิกฤติการเงิน 2008 ที่มีการปิดกิจการไปกว่า 6,163 แห่ง
รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงจากแนวโน้มอาจจะเกิดภาวะ Government Shutdown หากคองเกรสซึ่งกำลังเปิดประชุมุกร่างงบประมาณรายจ่ายรัฐบาล 1.1 ล้านดอลลาร์ไม่สามารถผ่านการพิจารณาได้ทันภายในวันที่ 28 เมษายนนี้


3.ท่ามกลางความพยายามของทรัมป์ที่จะผลักดันแผนการปฏิรูปภาษีโดยลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 15% และลดภาษีบุคคลธรรมดาลงเหลือ 3 ระดับที่ 35%, 25% และ 10% จากปีจจุบันที่มี 7 ระดับ ทั้งนี้เพื่อเรียกความเชื่อมั่นของคนอเมรืกันในช่วงการทำงาน 100 วันแรก
โดย Steve Mnuchin รัฐมนตรีคลังสหรัฐ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันแผนปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่นี้ผ่านการพิจารณาของสภาไปได้ หลังจากที่มีการล็อบบี้ร่วมถกกับประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา รวมทั้งประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจแห่งชาติ เมื่อวันอังคาร ถึงแม้ว่าเขาจะยอมรับว่าจะทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยกลายเป็นหนี้สาธารณะก้อนโตด้วย แต่อผนการลดภาษีครั้งนี้ ทรมป์คาดหวังว่าจะทำให้ตีดีพีสหรัฐโตขึ้นปีละ 3% ลดลงจากที่ทรมป์เคยประกาศไว้ฝยช่วงแรกของการเข้ารับตำแหน่งว่าจะทำให้ศรษฐกิจเติบโตปีละ 3.5-4%
นอกจากนี้ยังจะพยายามควบคุมการขาดดุลงบประมาณให้อยู่ในระดับปีละ 3.37 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ซึ่ง Steve Mnuchin ยังคงยืนยันว่าฐานะการคลังของรัฐบาลยังมีสภาพคล่องในการบริหารประเทศที่เพียงพอเนื่องจากสามารถจัดเก็บภาษีได้ในจำนวนมากเมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมานั่นเอง ทั้งนี้ มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าทำเนียบขาวที่ประสบภาวะถังแตกมีเงินคงคลังที่สามารถใช้บริหารอยู่เพียง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดลงมหาศาลจากที่เคยมีมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์


4.อย่างไรก็ตาม JP Morgan ออกบทวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์ว่า อผนการลดภาษีนิคิบุคคลลงเหลือ 15% ของทรัมป์ ขณะที่สภานำโดย Paul Ryan ต้องการให้ลดลงที่ระดับ 20% ขณะที่ความน่าจะเป็นที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 25% โดยลดลงจากเดิมซึ่งอยู่ที่ 35% เนื่องจากจะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางการเมืองรวมทั้งจะไม่เพิ่มเป็นภาระหนี้สาธารณะที่รัฐบาลจะต้องแบกรับเพิ่มขึ้นอึก 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงปร 2015-2026 จากการภาษีลงที่ 15% ดังกล่าว
ขณะที่ความเห็นของนักวิเคราะห์จาก Citi Group ที่มีขึ้นในวันอังคาร ก็เชื่อว่า คนอเมริกันจะไม่ได้ Big Burger ที่เป้นประโยชน์จากแผนการลดภาษีของทรัมป์


5.ปัจจัยเสี่ยงของปัญหาขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกในหลายจุดมีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่ Rex Tillerson รัฐมนตรีค่างประเทศสหนีฐ พร้อมด้วยรัฐมนตรีกลาโหมและผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ร่วมกันกล่าวกับบรราดานักธุรกิจสหรัฐที่ร่วมประชุมกว่า 100 คนในความพยายามที่ทรัมป์จะผลักดันให้มี urgent national security threat ซึ่งเป็นแผนฉึกเฉินเพื่อเตือนภัยคุกคามความมั่นคง
โดยชี้ว่าจะเป็นแผนการรับมือด้านการทหารกับเกาหลีเหนือ เพราะหากว่าเกาหลีเหนือสามารถจะพัฒนาอาวุธยิวเคลียร์จนถึงขั้นที่มีศักยภาพสูงสุดก็จะเป็นอันตร้ายอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของสหรัฐ ซึ่งสหรัฐจะเร่งรีบในการติดตั้งบีปนาวุธนิวเคลียร์ตามแผนการ THAAD ให้มีแสนยานุภาพที่ครบถ้วนวมบูรณ์ในเมืองซองจูของเกาหลีใต้ พนิ่มกันนี้สหรัฐได้ทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ร่วมกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในวันที่ 26 เมษายนซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เกาหลีเหนือมีการซ้อมรบแสดงเสนยานุภาพครั้งใหญ่ของกองทัพที่ครบรอบการก่อคั้งมาถึง 85 ปีเช้ยกัน
นอกจากนี้ ทางด้านจีนก็เปิดตัวเรือรบพิฆาตขนาดใหญ่เป็นลำที่สอง ที่ใช้บรรทุกฝูงเครื่องบืนจู่โจม เป็นการแสดงแสนยานุภาพของมหาอำนาจที่มีเรือนบบรรทุกเครื่องบินรบอย่างที่มีในสหรัฐ อังงกฤษ และรัสเซีย

logoline