ทหารผ่านศึกร้อง "บิ๊กตู่" เจียดงบช่วยเหลือดูแลให้ดี ก่อนซื้อเรือดำน้ำ

โดยน.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลสิทธิ์และสวัสดิการของกำลังพลทหารทั่วประเทศอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะการดูแลสวัสดิการให้แก่ทหารผ่านศึกและพิการทั่วประเทศ พวกเขายอมสละชีวิตตนเองเพื่อปกป้องประเทศชาติ ซึ่งประโยชน์สุขความมั่นคงในชีวิตของกำลังพลต้องมาก่อนเสมอ และควรต้องนำมาพิจารณาก่อนการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ สำหรับการอนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือนั้น ตนเข้าใจดีถึงความจำเป็น แต่ขอให้พึงระลึกว่าเงินที่ใช้คือเงินของคนไทยทุกคน แต่ในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ ควรพิจารณาใช้งบประมาณแผ่นดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนทั้งประเทศ
นอกจากนี้ พ.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ กล่าวว่า การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย เป็นไปเพื่อนำมาใช้ในการปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นเรื่องจำเป็น แต่ขอให้พิจารณาให้รอบคอบ ที่สำคัญกองทัพต้องเร่งสร้างขีดความสามารถในด้านวิจัยพัฒนาอาวุธของประเทศ ในเรื่องการจัดหาเรือดำน้ำส่วนตัวไม่มีข้อขัดข้องแต่ประการใด แต่เห็นว่าการจัดซื้อเรือ U206A ตามที่เยอรมันสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทย น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะราคาที่เสนอมานั้นถูกมาก และที่สำคัญได้ทั้งตัวต้นแบบในการวิจัยพัฒนา อะไหล่ และอีกหลายๆอย่างที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้จัดซื้อคราวนั้น ปัญหาหลักสำคัญของกองทัพที่ควรพึงระลึกเสมอ คือเมื่อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์มาแล้ว จะดำรงขีดความสามารถในการซ่อมบำรุง และการจัดหาอะไหล่ได้อย่างไร
"ในส่วนกองทัพเรือนั้น ผมเองอยากเสนอให้พิจารณาจัดหาอากาศยานมาประจำการทดแทน Sea Harrier บนเรือจักรีนฤเบศร์ ซึ่งเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีสำคัญในภูมิภาค และมีขีดความสามารถในการต่อระยะในการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลของชาติ ในส่วนการซ่อมบำรุงควรบูรณาการร่วมกับกองทัพอากาศ ทั้งนี้ ต้องขอชื่นชมการวิจัยพัฒนาร่วมกันระหว่างกองทัพทั้งสองในการคิดประดิษฐ์ S Link เชื่อมต่อการควบคุมสั่งการระหว่างเรือและเครื่องบิน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและรัฐบาลควรสนับสนุน" พ.อ.(พิเศษ) คัมภีร์ กล่าว