และ ทุเรียนสายพันธุ์มูซังคิงส์เป็นทุเรียนตลาดบนที่เป็นคู่แข่งสำคัญของทุเรียนสายพันธุ์หมอนทอง ของไทย ที่ครองตลาดจีนมายาวนานด้วย
เอกชัย บอกว่า ได้เดินทางสำรวจตลาดทุเรียนโดยเฉพาะตลาดหลักที่ซื้อทุเรียนจากประเทศไทยมากที่สุด คือจีนรับไม่อั้น และเวียดนาม ซึ่งส่วนหนึ่งพ่อค้าเวียดนามซื้อจากไทยส่งต่อไปจีน โดยที่ประเทศจีนที่เป็นเมืองใหญ่ อย่างเซี่ยงไฮ้ พบว่าคนจีนนิยมทุเรียนมูซังกังเป็นอย่างมาก มีการตั้งซุ้มทุเรียนมูซังคิงส์ คล้ายๆ ร้านกาแฟสดแบรนด์ดังในประเทศ แต่ลูกค้าส่วนเป็นกลุ่มไฮโซ ที่เข้าไปซื้อกันเพราะราคาแพงมาก จึงคิดว่าเป็นทุเรียนที่สนใจเป็นอย่างมากที่จะส่งเสริมเกษตรกรไทยปลูก ในอนาคต
กลับจากประเทศจีน เอกชัย เดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อสำรวจแหล่งปลูกพบว่า ปลูกมากที่สุดในเกาะบอเนียว อีกส่วนหนึ่งปลูกในรัฐที่มีรอยต่อกับประเทศไทย มาเลเซียติดกับ อ.เบตง จ.ยะลา
รวมถึงมีการปลูกในรัฐเคดาร์ติดกับ อ.สะเดา จ.สงขลาของไทยด้วย ทำให้ทุกเรียนสายพันธุ์นี้ มีการปลูกในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา โดยเกษตรกรที่เคยปลูกส้มโชกุนที่หันมาปลูกทุเรียนสายพันธุ์นี้มากขึ้น เพื่อส่งไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งจากการดูพื้นที่แล้วสามารถที่ปลูกในพื้นที่ภาคตะวันนออกได้
อย่างไรก็ตามในต้นเดือนสิงหาคม 2559 เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอเบตง เคยนำนำสื่อมวลชนชมทุเรียนพันธุ์ใหม่ คนไทยเชื้อสายจีนเบตง บอกว่าสายพันธุ์ "เหมาซานหว่อง"หรือ "เหมา ซาน คิง" เป็นทุเรียนนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย คือสายมูซังคิงส์ (Musang King) นั่นเอง
แต่สำเนียงจะออกทางจีน และเกษตรกรไทย มาทาบกิ่งกับทุเรียนพื้นบ้านของไทย จนออกผลทุเรียนและมีรสชาติอร่อยกว่าของรถชาติดั้งเดิม และเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าในประเทศต่างประเทศ โดยเฉพาะมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นหลัก โดยขายกันในราคากิโลกรัมละ 300-350 บาท หรือผลละกว่า 1,000 บาท
กระนั้น พ่อค้าคนกลางชาวสิงคโปร์ บอกว่า ชาวสิงคโปร์ และชาวมาเลย์ชอบทุเรียนจากประเทศไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีรสชาติอร่อย เนื้อมีสีเหลืองเข้ม ที่สำคัญราคาถูกกว่าเท่าตัวอีกด้วย
ขณะที่นายสมชาย ทองพูล เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอเบตง บอกตอนนั้นว่า ทุเรียน"เหมา ซาน คิง" ตลาดยังเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีฐานะทางการเงินดี การขยายตลาดค่อนข้างช้าอนาคตหากมีผลผลิตที่ออกมาในจำนวนมาก และสามารถส่งไปเจาะตลาดในประเทศจีน เหมือนกับทุเรียนหมอนทองที่ชาวจีนนิยมบริโภคได้
นอกจากทุเรียนมูซังคิงส์แล้ว ที่มาเลเซียยังมีทุเรียนที่ขึ้นชื่อ อาทิ มูซังโก มีขนาดเล็กกว่าทุเรียนไทย บางชนิดมีเนื้อสีขาวออกสีมุข และบางชนิดเป็นสีแดงอมส้ม และกำลังกลายเป็นสินค้าส่งออกที่มาเลเซีย หวังจะดันให้ไปตีตลาดจีนเช่นกัน
มูซังคิงค์ นับเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ที่น่าสนใจ และจะเป็นทางเลือกของเกษตรกรได้ในอนาคต