svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เปิดเทรดวันแรกของไตรมาส 2 หุ้นสหรัฐ-ยุโรปร่วง! สวนทางตลาดเอเชีย

04 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หุ้นสหรัฐ-ยุโรปร่วงลงในแดนลบในการเปิดเทรดวันแรกของไตรมาส 2 สวนทางตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวใรเดนบวก ท่ามกลางนักลงทุนเฝ้ามองการพบปะเจรจาครั้งแรกระหว่างทรัมป์และสีจิ้นผิงในช่วงวันทื่ 6-7 เมษายนนี้อาจจะเป็นสัญญาณลบกระทบต่อบรรยากาสศการลงทุน ถึงแม้ว่าแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะผ่อนเบาลงหลังการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลง

นอกจากนี้ยังมีสัญญาณลบมากขึ้นจากรายงานผู้ค้าปลีกเริ่มมีการเข้าสู่ภาวะล้มละลายมากขึ้น โดยเฉพาะการค้าปลีกด้านจำหน่ายรองเท้าและในหมวดอาหาร ขณะที่ภาวะสินเชื่อนรถยนต์ที่เป็นฟองสบู่มีความเสี่ยงเป็นหนี้ที่มีปัญหามากขึ้น หลังจากที่ปริมาณสินเชื่อเช่าซื้อรถนับตั้งแต่ปี 2015 พุ่งขึ้นถึง 35% โดยมียอดขายรถยนต์พุ่งขึ้นถึงปีละเกือบ 18 ล้านคันขณะนี้
ขณะที่เวเนซูเอล่ามีความสุ่มเสี่ยงเข้าขั้นวิกฤติต่อฐานะการเงินของประเทศ หลังจากที่มีการอัดฮฉีกปริมาณเงินในระบบสูงกว่า 200% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่เงินเฟ้อพุ่งกว่า 741% และค่าเงินโบลิวาร์ร่วงลงมากกว่า 3 เท่าในช่วง 2 มาอยู่ที่เกือบ 4,000 โบลิวาร์ต่อดอลลาร์ในปัจจุบัน

1.หุ้นสหรัฐเปิดตลาดซื้อขายในวันแรกของไตรมาสสองเมื่อวันจันทร์ในแดนบวกก่อนที่จะปิดในแดนลบเล็กน้อย 0.05-0.3% ท่ามกลางสัญญาณลบที่เข้ามากระทบทั้ง 3 ตลาดหุ้นหลัก สวนทางจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตลาดเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาซื้อหุ้นที่มีราคาปรับตัวลดลง โดยนักลงทุนเริ่มให้ความระมัดระวังกับการเจรจาของ 2 ผู้นำจากสหรัฐและจีนที่จะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพฤหัสฯและศุกร์ที่ 6-7 เมษายนนี้
ถึงแม้ทรัมป์จะมีท่าทีว่าจะยังไม่ใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษีกับจีนในการเจรจารอบนี้ แต่ประธานิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกล่าวหาจีนปั่นอัตราแลกเปลี่ยนโดนลดค่าเงินหยวนที่ทำให้สหรัฐต้องจาดดุลการค้ากับจันมากกว่า 3.74 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา รวมทั้งกดดันประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เป็นนัยสำคัญให้จัดการกับปัญหาเกาหลีเหนือ เพราะหากจีนไม่ดำเนินการ สหรัฐจะเป็นฝ่ายที่เข้ามาจัดการเอง ซึ่งทรัมป์ได้แสดงให้เห็นด้วยการทำการฝึกซ้อมรบทางทะเลของ 3 ประเทศคือสหรัฐ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น มีการทดลองยิงอาวุธยุทโธปกรณ์ใกล้น่านน้ำของญี่ปุ่นในทันที
ท่ามกลางสถาการณ์ดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณบวกจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายนเริ่มอ่อนลง เมื่อจีดีพีไตรมาสแรกปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 1% ชะลอจากที่คาดการณ์ไว้เดิมที่ 2.5%
ขณะที่หุ้นยุโรปก็ปรับตัวลดลงในแดนลบเฉลี่ย 0.8% สวนทางตลาดหุ้นเอเชียหลักๆ ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3-0.6% ในวันจันทร์

2.เศรษฐกิจสหรัฐพบว่ามีสัญญาณลบมากขึ้นจากรายงานของผู้ค้าปลีกที่เริ่มมีการเข้าสู่ภาวะล้มละลายมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกด้านจำหน่ายรองเท้าและในหมวดอาหาร รวมทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต นอกจากนี้ยังพบอีกว่าบรรดาหเงสรรพสินค้าก็มีพื้นที่ว่างมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะมีบางห้างที่จำหน่ายอาหารเตรียมเปิดดำเนินการในปี 2018 แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า
โดยที่มีการยื่นขอล้มละลายตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมามีจำนวนถึง 9 ราย โดยยังมีธุรกิตค้าปลีกรายเล็กๆ อีกหลายร้อยรายก็อยู่ในกระบวนการที่ใกล้จะปิดกิจการ เนื่องจากคนอเมริกันเริ่มช็อบน้อยลง และไม่นิยมการเดินทาง จากสัญญาณเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงนั่นเอง

3.ขณะที่ผลสะท้อนของภาวะสินเชื่อนรถยนต์ที่เป็นฟองสบู่เริ่มมีความเสี่ยงของหนี้มีปัญหามากขึ้น หลังจากที่ปริมาณสินเชื่อเช่าซื้อรถนับตั้งแต่ปี 2015 พุ่งขึ้นถึง 35% โดยที่ระยะเวลาของการผ่อนสินเชื่อเช่าซื้ออย่างยาวนานในอัตราเฉลี่ยถึง 69.1 เดือน ส่วนรถยนต์มือสองในช่วงไตรมาสแรกปีนี้มีอัตราลดลงถึง 7%
ขณะที่มียอดขายรถยนต์ใหม่พุ่งขึ้นถึงปีละเกือบ 18 ล้านคัน ซึ่งเป็นสัดส่วนการจำหน่ายรถ SUV และรถบรรทุกเล็กถึง 61.5% โดยในปี 2016 ขายได้ 17.55 ล้านคัน ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 0.2% มาอยู่ที่ 17.6 ล้านคันจากรายงานของสมาคมอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐ แต่การคาดการณ์ของมูดี้ส์ อินเวสเตอร์จะอยู่ที่ 17.4 ล้านคัน เนื่องจากแรงหนุนของสินเชื่อเช่าซื้อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ราคาพุ่งขึ้นจาก 28,000 ดอลลาร์ในปี 2008 กลายเป็น 50,000-55,000 ดอลลาร์ขณะนี้

4.เวเนซูเอล่ามีความเสี่ยงจนเข้าขั้นวิกฤติต่อฐานะการเงินของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการใชเนโยบายอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อให้ประชาชนในประเทศมีเงินจับจ่ายใช้สอยที่เพียงพอสูงถึง 200% หลังที่ต้องประสบปัญหาวิกฤตืไม่มีน้ำมันสำรองออกมาขายในต่างประเทศ ทำให้ขาดรายได้เข้าปะเทศ
โดยที่ล่าสุด ณ วันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ปริมาณเงิน หรือ M2 ที่รวมทั้งการปั๊ปเงินใหม่เพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจ รวมถึงระบบการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในเวเนซูเอล่ามียอดรวมสูงถึง 13.3 ล้านล้านโบลิวาร์ เพิ่มขึ้นถึง 202.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เทียบกับสหรัฐที่มีการเพิ่มของปรืมาณเงินในความหมายกว้าง M2 อยู่ที่ 6.4% ในช่วเวลาเดียวกัน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้มพุ่งขึ้นถึงระดัย 741% เมื่อเดินกุมภาพันธ์ ส่งผลต่อค่าเงินโบลิวาร์ดิ่งลงอย่างหนักท่ามกลางวิกฤตการณ์เศรษฐกิจและการเงินในขณะนี้ เงินโบลิวาร์ร่วงลงจากระดับ 500 โบลิวาร์ต่อดอลลาร์ในปี 2014 มาอยู่ที่ 1,000 โบลิวาร์ต่อดอลลาร์ในปี 2015 และร่วงลงมากที่สุดที่ 4,500 โบลิวาร์ต่อดอลลาร์ในปี 2016 จนถึงขณะนี้ทรงตัวที่ 3,800 โบลิวาร์ต่อดอลลาร์

5.ประธานธืบดีสี จิ้นผิง เดินทางถึงฟินแลนด์อย่างเงียบๆ เพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองประเทศที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านยูโร ตามกลยุทธ์เดินสายแสวงหาพันธมิตรเพื่อต่อสู้กับลัทธิกีดกันทางการค้าของทรัมป์
ในการเดินทางสู่ฟินแลนด์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ประธานาธิลดีสิ จิ้นผิง เดินทางเยือนยุโรป โดยก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปีนี้ด้วยการเปิดตัวครั้งใหญ่ที่เวที WEF หรือ เวิลด์ อิโคโนมิกส์ ฟอรั่ม โดยจีนเป็นหัวหอกที่จะดำเนินมาตรการตอบโต้กับสหรัฐในอนาคต

logoline