กลายเป็นจุดประกายที่เขามองว่า "การเกษตร เป็นอาชีพที่ตาย" พร้อมกับตั้งโจทย์ว่า "เหตุไฉน คนรุ่นใหม่ทิ้งท้องทุ่ง มุ่งหน้าสู่สังคมเมือง?" ขณะที่คนในเมืองอยากมีอาชีพการเกษตร แต่มีข้อจำกัด "พื้นที่มีน้อย" ดุจเดียวกับ รุ่งโรจน์ พออายุมากขึ้น ก็ยากทำอาชีพเกษตรเช่นกัน
ในที่สุด รุ่งโรจน์ ตัดสินใจใช้ดาดฟ้าของโรงงานย่านบางพลีใหญ่ ซึ่งมีที่โล่งกว่า 40 เมตรเนรมิตเป็นส่วนเกษตรปลูกพืชผักหลากหลายชนิด จากเดิมคิดเพียงว่าจะปลูกเมล่อนไว้บริโภคเองในครอบครัว เพราะเป็นคนที่โปรดปรานเมล่อนเป็นอย่างมาก ปรากฎว่าพรรคพวกที่ได้พบเห็นต่างชื่นชอบและสั่งให้ทำบ้าง ตรงนี้กลายบ่อเกิดแห่งธุรกิจ"แปลงเกษตรบนดาดฟ้าสำหรับคนในเมือง"ขึ้นมาในวันนี้
"ผมไปดูงานเกษตรที่อิสราเอลกับสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ทำให้มีความรู้ ความเข้าใจ และตอบโจทย์อาชีพด้านการเกษตรมากมาย ปัจจัยสำคัญของอาชีพการเกษตรที่จะให้เกษตรกรอยู่ได้คือน้ำครับ น้ำสำคัญมาก อย่างที่อิสราเองอยู่กลางทะเลทราย แต่สามารถปลูกพืชผักส่งงออกไปยังตลาดยุโรปเป็นอันดับหนึ่ง
การปลูกผักไร้ดิน ยังปลูกได้ แต่ต้องมีน้ำ และเทคโนโลยีการผลิตมาใช้ในกระบวนการผลิต ฉะนั้นบนดาดฟ้าก็สามารถทำเป็นแปลงเกษตรได้ ดีกว่าปล่อยให้ว่างเปล่าโดยไร้ประโยชน์ " รุ่งโรจน์ สะท้อนความคิดอย่างมีนัยของอาชีพด้านการเกษตรผ่านเว็ปไซด์เนชั่นทีวี ออนไลน์
หลังจากไปดูงานที่อิสราเอล ไม่นานนัก รุ่งโรจน์ ตัดสินใจจะใช้บนดาดของโรงงานของเขา สำหรับเป็นที่ปลูกผักในโรงเรือน เบื้องต้นตัดสินใจปลูกเมล่อน จึงไปศึกษาเกี่ยวกับการปลูกเมล่อน ดูงานอีกหลายแห่ง จึงได้คำตอบกลับมาคือ การปลุกเมล่อนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจากการที่ไปหาความรู้จากเกษตรกร แต่ละคนบอก ลงทุนสูง ดูแลยาก
แต่รุ่งโรจน์กลับมองว่า ที่ยากนั่นแหละ เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ เขาจึงได้ออกแบบของโรงเรือน ศึกษาวัดการปลูก การวางระบบน้ำ และวิธีการดูแล ไม่นานนักบนดาดฟ้า บริษัท รุ่งเอ็นจิเนียริ่งพลาสท์ จำกัด กลายเป็นสวนเมล่อนขึ้นมา ถือเป็นการนำร่องแปลงเกษตรบนดาดฟ้าสำหรับคนเมืองในวันนี้
โรงเรือนเมล่อนโรงแรกของ รุ่งโรจน์ มีขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 8 เมตร หลังคาคลุมด้วยพลาสติก สำหรับปลูกเมล่อน 100 ต้น เริ่มจากเพาะเมล็ดเมล่อนโดยใช้ขุยมะพร้าวผสมกับทรายอัตรา ส่วน 1 ต่อ 1 เมื่อต้นกล้าอายุ 10 วัน ย้ายลงปลูกในกระถางวัสดุปลูก ระยะห่างระหว่างต้น 40-45 ซม. แต่กว่าจะสำเร็จ ต้องทดลองทำหลายรูปแบบ ทั้งใช้ดินปลูก ใช้ขุยมะพร้าวผสมกับดินเผา
ปลูกด้วยระบบน้ำหยด และระบบไฮโดรโปรนิกส์ ปรากฏว่า วันนี้พบกับสัจจธรรมแล้ว การปลูกในรูปแบบของเขาคือดินเผามวลเบา เป็นคำตอบที่ดีที่สุด
การนั้นการปลูกเมล่อนบนดาดฟ้า มีปัญหาเรื่องแมลงที่จะเป็นผู้ทำหน้าที่ผสมเกสรโดยธรรมชาติ ฉะนั้นเจ้าของต้องผสมเกสรเอง จะเริ่มผสมเกสรได้เมื่อต้นอายุได้ 25-30 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะสม อยู่ระหว่าง 07.00-11.00 น. การผสมเกสรเพื่อช่วยให้เมล่อนติดลูกได้ดีในตำแหน่งที่ต้องการ จะเลือกดอกในแขนงที่ 9-13 เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุด และจะต้องผสมให้เสร็จภายในเวลา 5 วัน หลังจากผสมแล้วจะคัดผลที่ดีที่สุดไว้เพียง 1-2 ผลต่อต้นเท่านั้น
2 ปี ผ่านไป ได้บ่มเพาะประสบการณ์ให้กับ รุ่งโรจน์ และได้พบว่า ข้อดีอย่างหนึ่งของการปลูกเมล่อนบนดาดฟ้าตึก โรคแมลงไม่ค่อยมี แต่จะเกิดปัญหาเชื้อรากับกระถางที่ใช้ดินปลูก ที่มักจะทำให้ต้นตายลงเมื่อออกผลมา ฉะนั้นต้องปลูกในวัสดุปลูกอื่นๆ ซึ่งปัญหาเชื้อราจะไม่มีเลย
หลังจากที่ประสบผมลเร็จจากการปลูกเมเมล่อนในชุดสำหรับปลูกบนดาดฟ้าแล้ว รุ่งโรจน์ได้พัฒนาการปลูกพืชอย่างอื่นที่สามารถปลูกผสมผสานได้ด้วย อาทิ โรงเรือนขนาดเล็กกว้าง 3 เมตร ยาว 6 เมตร สามารถปลูกเมล่อน รวมกับถั่วฝักยาว ผักกาด ผักบุ้ง หรือพืชผักชนิดอื่นๆ ตามที่ชอบ โดยชุดปลูกพืชผักบนดาดฟ้าของรุ่งโรจน์ ลงทุนโรงเรือนครั้งแรกโครงการสามารถอยู่ได้นานนับสิบปี เว้นแต่พลาสติดหุ้มอาจอยู่ได้ 2-3 ปี โดยเขาคิดคาราที่ตารงเมตรละ 960 บาท
ชุดการปลูกพืชผักบนดาดฟ้าของรุ่งโรจน์ ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม ของคนในสังคมเมืองที่ชอบอาชีพการเกษตร โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยเกษียนก็สามารถปลูกได้