"ทรัมป์" ยันไม่ใช่แบนมุสลิม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ชี้แจงว่า คำสั่งที่เขาลงนามเมื่อวันศุกร์ระงับพลเมืองจาก 7 ประเทศมุสลิมเข้าสหรัฐชั่วคราว ไม่ใช่คำสั่งห้ามชาวมุสลิมเข้าประเทศ แต่เป็นการรายงานอย่างผิดๆของสื่อ นี่ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องของการก่อการร้ายและการทำให้ประเทศปลอดภัย พร้อมกับยืนยันว่าจะออกวีซ่าแก่ทุกประเทศอีกครั้งใน 90 วันข้างหน้าเมื่อมีการทบทวนนโยบายและการบังคับใช้นโยบายตรวจคนเข้าเมืองที่มีความปลอดภัยมากที่สุด
ยิ่งกว่านั้นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลอ้างว่า คำสั่งงดรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอย่างไม่มีกำหนด งดรับผู้ขอลี้ภัยทั้งหมดเป็นเวลา 120 วัน และห้ามบุคคลจาก 7 ชาติมุสลิม ได้แก่ อิหร่าน อิรัก ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรียและเยเมนเข้าประเทศเป็นเวลา 90 วันมีการบังคับใช้อย่างประสบผลสำเร็จด้วยดี
แต่มีรายงานว่า ผู้พิพากษาในอย่างน้อย 5 รัฐมีคำสั่งฉุกเฉินคุ้มครองผู้ที่ถือวีซ่าอย่างถูกต้องจาก 7 ประเทศต้องห้ามและผู้ขอลี้ภัยที่เดินทางมาถึงสนามบินแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกเนรเทศ หลังจากมีหลายคนถูกกักตัวหรือตกค้างอยู่ที่สนามบินไม่สามารถเข้าสหรัฐได้
ยิ่งกว่านั้นการชุมนุมคัดค้านคำสั่งของทรัมป์ยังคงดำเนินเป็นวันที่สองทั่วสหรัฐ โดยมีการชุมนุมในสนามบินหลายแห่ง เช่น ซานฟรานซิสโก ดีทรอยต์ แอตแลนตาลอสแองเจลิส วอชิงตัน และดัลลัส และมีการเดินขบวนตามท้องถนนในอีกหลายเมือง เช่น กรุงวอชิงตัน นิวยอร์ก และบอสตัน ผู้ประท้วงที่ด้านนอกทำเนียบขาวถือป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า "เนรเทศ ทรัมป์"
นายโมฮัมหมัด ยาวัด ซาริฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ประนามการกระทำของทรัมป์ว่าเป็นการดูหมิ่นโลกอิสลามอย่างชัดเจน และจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่มอบให้กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่งและผู้สนับสนุน
ขณะที่อาห์เมห็ด ฮุสเซน รัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองของแคนาดา กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า แคนาดาพร้อมให้ที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้ที่ตกค้างที่สนามบินในแคนาดาสืบเนื่องจากคำสั่งของผู้นำสหรัฐ