"ทรัมป์" จะขึ้นภาษีสินค้าจากเม็กซิโก

ฌอน สไปเซอร์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วันเมื่อวานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หารือสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับแนวทางขึ้นภาษีกับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก 20% ซึ่งจะทำให้มีรายได้ทางภาษีเพิ่มขึ้นราว 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อนำเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายสร้างกำแพงสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมือง แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเขาชี้แจงว่า วิธีนี้เป็นเพียงหนึ่งในข้อเสนอที่หยิบยกขึ้นหารือเท่านั้น
ถ้อยแถลงของนายสไปเซอร์มีขึ้นหลังทรัมป์ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีเมื่อวันพุธให้ดำเนินการสร้างกำแพงยาว 3,200 กม.ตลอดชายแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโก แต่เขาไม่เคยระบุรายละเอียดว่าจะนำงบประมาณก่อสร้างมาจากไหน นอกจากบอกว่าสหรัฐจะจ่ายค่าก่อสร้างก่อน แต่จะเรียกเงินคืนจากเม็กซิโกในภายหลัง
แต่ประธานาธิบดีเอนริเก้ เปญ่า เนียโต้ แถลงเมื่อวานว่ายืนยันไม่จ่ายค่ากำแพงและไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้าง ต่อมาเขาโพสในทวิตเตอร์ว่าได้แจ้งทำเนียบขาวยกเลิกการเยือนและพบปะกับประธานาธิบดีทรัมป์ในวันที่ 31 ม.ค.แล้ว ผู้นำเม็กซิโกตอบโต้ที่ทรัมป์โพสในทวิตเตอร์ว่า หากเม็กซิโกไม่ยอมจ่ายค่ากำแพง ก็น่าจะยกเลิกกำหนดการพบปะ
ขณะเดียวกันนายลูอิซ วิเดกาเรย์ รัฐมนตรีต่างประเทศเม็กซิโก กล่าวว่า เม็กซิกยังคงยินดีเจรจากับสหรัฐเพื่อคงรักษาความสัมพันธ์อันดี แต่ย้ำว่าการจ่ายค่าสร้างกำแพงเป็นเรื่องที่ไม่อาจเจรจาได้และจะไม่เจรจา พร้อมทั้งบอกด้วยว่าแนวคิดขึ้นภาษีกับสินค้าจากเม็กซิโกจะส่งผลกระทบต่อชาวอเมริกันเอง เพราะราคาสินค้าจะสูงขึ้น ทำให้ชาวอเมริกันต้องเป็นคนจ่าย