ประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของสหรัฐในวัย 55 ปีกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะประธานาธิบดีเป็นครั้งสุดท้ายนานเกือบ 1 ชม.ที่บ้านเกิดในนครชิคาโกเมื่อค่ำวันอังคาร ก่อนจะพ้นตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.นี้ โดยบอกว่าทุกวันตลอดระยะเวลา 8 ปีนี้ เขาได้เรียนรู้จากชาวอเมริกันทุกคน ซึ่งทุกคนทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีที่ดีขึ้นและเป็นคนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้เขาได้สรุปถึงผลงานความสำเร็จ ทั้งเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมรถยนต์ การสร้างงาน การรื้อฟื้นความสัมพันธ์การทูตกับคิวบา การยุติโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน การอนุญาตเกย์แต่งงาน และการสร้างระบบประกันสุขภาพโอบามาแคร์ ซึ่งเขาบอกว่า แม้เป้าหมายเหล่านี้อยู่สูง แต่ทุกคนทำให้เกิดขึ้นทุกคน คือ ความเปลี่ยนแปลง ทำให้อเมริกาดีขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เป็น
ถ้อยแถลงของโอบามามีขึ้นในขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในอีกเพียงกว่าหนึ่งสัปดาห์ ท่ามกลางความวิตกของหลายฝ่ายว่าเขาจะล้มเลิกนโยบายบางอย่างของโอบามาและเปลี่ยนทิศทางของประเทศต่างไปจากเดิม
นอกจากนี้โอบามาได้เตือนให้ตระหนักถึงภัยคุกคามต่อ ประชาธิปไตย ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจ และความแตกแยกทางเชื้อชาติ พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวอเมริกันร่วมปกป้องประชาธิปไตย โดยเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างและไม่หวาดกลัวที่จะยึดมั่นค่านิยมสำคัญนี้ไว้ และบอกด้วยว่า คู่แข่งอย่าง รัสเซียหรือจีน ไม่อาจมีอิทธิพลทั่วโลกเทียบเท่าสหรัฐฯ เว้นแต้ว่าเราล้มเลิกจุดยืนที่เรายึดถือ และเปลี่ยนตัวเองไปเป็นประเทศใหญ่ที่รังแกชาติเพื่อนบ้านที่เล็กกว่า
และในขณะที่โอบามากำลังจะพ้นตำแหน่ง ยังคงมีคะแนนนิยมค่อนข้างสูงราว 55% จากการสำรวจของมหาวิทยาลัยควินนิพิแอค และถือว่ายังคงมีอิทธิพลทางการเมืองพอสมควร และผู้ตอบคำถามราว 51% มองว่า ทรัมป์ทำผลงานได้แย่มากในฐานะว่าที่ประธานาธิบดี
ถ้อยแถลงของโอบามามีขึ้นที่ศูนย์การประชุมแมคคอร์มิค เพลซ และคาดว่ามีประชาชนกว่า 20,000 คนเข้าร่วมฟัง แม้บัตรเข้างานจะแจกฟรี แต่มีการขายออนไลน์ราคาสูงถึงกว่า 1,000 ดอลลาร์เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ โอบามาถึงกับร้องไห้ตอนที่กล่าวถึงครอบครัวโดยขอบคุณมิเชล ที่เป็นทั้งภรรยา แม่ของลูกและเพื่อนที่ดีที่สุด และเขายังกล่าวขอบคุณรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนด้วยความซาบซึ้งใจว่าเป็นเหมือนพี่ชายของเขา