svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

แกนนำอุลตร้าให้การภาคเสธ -อ้างเป็นแค่ผู้นำเชียร์ ตร.ให้ประกันตัว และให้รายงานตัว

23 ธันวาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากกรณีการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 ระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติอินโดนีเซีย กลุ่มกองเชียร์บางกลุ่มได้มีการจุดพลุแฟร์สีแดงจนเกิดควันและประกายไฟ ก่อความรำคาญให้กับผู้ร่วมเชียร์ รวมทั้งในโลกออนไลน์ยังมีการโจมตีเรื่องนี้อย่างหนัก จนหลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าทีมชาติไทยอาจถูกลงโทษจากคณะกรรมการฟีฟ่าได้ ต่อมาศาลได้อนุมัติออกหมายจับแฟนบอลที่ถือพลุแฟร์และแกนนำกลุ่มเชียร์ในวันเกิดเหตุไปแล้ว 11 ราย

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 23 ธันวาคม ที่สน.หัวหมาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เดินทางมามอบเงินรางวัลจำนวน 300,000 บาท ให้กับพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. และพล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 ภายหลังตำรวจชุดสืบสวนบก.น.4 สามารถสืบสวนติดตามจนรู้ตัวผู้ร่วมก่อเหตุ จนศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับไปแล้ว 11 ราย
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า วันนี้ได้เดินทางมาขอขอบคุณผู้ปฏิบัติงานทุกคน ที่ได้ติดตามสืบสวนจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ ตนในฐานะอดีตผู้บังคับบัญชาขอชื่นชม และวันนี้ยังได้เดินทางมามอบเงินรางวัลให้กับชุดสืบสวน หลังจากที่เคยบอกไว้ว่าจะให้รางวัลกับผู้ที่แจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดคนละ 30,000 บาท ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวนได้ขอศาลออกหมายจับจำนวนทั้งสิ้น 11 หมายจับ ตนจึงมามอบรางวัลจำนวน 300,000บาทตามที่ได้กล่าวไว้ สำหรับบุคคลเหล่านั้นตนถือว่าไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศทั้งที่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบแต่ก็ยังเจตนาที่จะทำ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น สำหรับมาตรการลงโทษของทางสมาคมที่มีต่อกลุ่มดังกล่าวนั้นทางสมาคมจะยึดตั๋วฟุตบอลโซนดังกล่าวทั้งหมดคืนมา โดยจะนำไปแจกให้กับเด็กและเยาวชน ที่ด้อยโอกาส ซึ่งจะไม่ให้กลุ่มดังกล่าวเข้ามาเชียร์ฟุตบอลได้อีก และกลุ่มคนเหล่านั้นต้องไม่มีที่ยืนอยู่ในสนามอีกต่อไป เพราะตนถือว่ากองเชียร์ใดที่ไม่อยู่ในกติกาถือว่าเป็นเนื้อร้าย จะต้องตัดทิ้ง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดบทลงโทษทีมชาติไทย แต่ที่ผ่านมาพบว่าหากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะมีโทษปรับหรือลงโทษโดยให้เล่นในสนามกลาง ตลอดจนห้ามไม่ให้เข้าแข่งขันในรายการต่างๆ นอกจากนี้ ที่ประชุมสมาคมได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนหากพบว่ามีข้อหาใดที่ต้องให้ทางสมาคมเป็นผู้แจ้งความก่อนในฐานะผู้เสียหาย หรือกรณีที่สมาคมต้องถูกลงโทษให้ชดใช้ค่าปรับจากเอเอฟซี ก็จะดำเนินการแจ้งความเอาผิดทันทีด้านพล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางตำรวจได้จับกุมบุคคลที่เปิดร้านในแหล่งขายพลุแฟร์จำนวน 2ราย และออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องจำนวน 11 คน ในจำนวนนี้ทางตำรวจได้รู้ชื่อบางส่วนเพิ่มขึ้นมาแล้วจำนวนหลายคน ซึ่งกำลังให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติเปลี่ยนหมายจับตามภาพเป็นขอหมายจับตามชื่อในทะเบียนราษฎร์ ในส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับไปแล้วได้ให้ชุดสืบสวนตามประกบอยู่ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าเป็นใคร ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเป็นบุคคลที่ตรงกับหมายจับ และต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยการสอบปากคำก่อน อย่างไรก็ตามหากมีหลักฐานเชื่อมโยงพบว่าผู้กระทำผิดมีมากกว่า 11 คนก็จะดำเนินการออกหมายจับเพิ่มเติมอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 16.00 น. นายประพจน์ โพธิ์ปาน สมาชิกกลุ่มอุลตร้าไทยแลนด์ ที่ทำหน้าที่เป็นแกนนำในการเชียร์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับพร้อมทนายความ และกลุ่มแฟนบอลอุลตร้า ไทยแลนด์จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.หัวหมาก โดยทางนายประพจน์ได้สวมเสื้อสีดำ คลุมด้วยสูทสีเทา สวมหน้ากากอนามัยและแว่นตาดำ เพื่ออำพรางปิดบังใบหน้า โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว จากนั้นก็ได้เดินเข้าไปห้องสอบสวนโดยทันที
ภายหลังพล.ต.ท.ศานิตย์ ได้ทำการสอบปากคำนายประพจน์ ได้เดินออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้นำในการเชียร์เท่านั้น แต่ไม่มีส่วนในการจุดพลุ ส่วนรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน ซึ่งต้องพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำก่อน ทั้งนี้ตนเคยได้พูดเอาไว้แล้วว่า การผู้ก่อเหตุดังกล่าวไม่ใช่อาชญากร เพียงแค่ทำในสิ่งที่กฏหมายไม่ให้ทำ และทำให้ภาพลักษณ์บ้านเมืองเสียหาย ดังนั้นอยากเตือนไปถึงกองเชียร์กลุ่มต่างๆว่า ขอให้เชียร์อยู่ในกรอบที่ถูกต้อง โดยหลังจากพูดคุยกันนายประพจน์ได้ยืนยันว่าจะยังเชียร์ต่อไปและรับปากว่าจะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ ส่วนข้อหานั้นทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบปากคำจะเป็นผู้ดำเนินการแจ้งข้อหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง นายประพจน์ ปานโพธิ์ทอง ได้พิมพ์หนังสือขอความเป็นธรรมแจกจ่ายให้สื่อมวลชนที่มาติดตามข่าว มีข้อความระบุว่า "ตามหมายเรียกที่อ้างถึงพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ได้มีหมายเรียกให้ข้าพเจ้าไปพบเพื่อสอบสวนปากคำ กรณีการจุดพลุแฟร์ภายในสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยให้ไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 ธันวาคม เวลา 16.00 น. ต่อมาข้าพเจ้าได้มอบหมายให้ทนายความโทรศัพท์แจ้งกับพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องเพื่อเลื่อนการเข้าพบ เนื่องจากตามวันเวลาที่นัดหมาย ข้าพเจ้าติดภารกิจที่ต่างจังหวัด โดยมีได้เจตนาที่จะหลีกเลี่ยงหรือมิให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด โดยภายหลังเมื่อเกิดเหตุการณ์ ข้าพเจ้ากลับตกเป็นจำเลย ของสังคมโดยมีสื่อมวลชนบางแห่งกล่าวหาว่าเป็นแกนนำในการจุดพลุแฟร์และลงภาพถ่ายของข้าพเจ้าให้ปรากฎตามหน้าทีวีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์รายวัน รวมทั้งสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง อาชีพการงานและวงศ์ตระกูล ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งขอความเป็นธรรมกับพนักงานสอบสวนในการดำเนินคดีนี้อย่างเป็นธรรมโดยยึดหลักความถูกต้องไม่เอนเอียงไปตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น

โดยขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามลำดับดังต่อไปนี้ 1.วัตถุประสงค์ของกลุ่ม Ultras Thailand เกิดจากคนที่รักฟุตบอลทีมชาติไทย โดยมีแนวทาวการเชียร์ที่เสียวดัง กระตุ้น ปลุกเร้าอย่างเสียงดังตลอด 90 นาที มีการโบกธงตลอด 90 นาที มีป้ายผ้าให้กำลังใจ โดยมีแฟนบอลชาวไทยทั่วประเทศทุกสาขาอาชีพ ทุกอายุตั้งแต่เยาวชนถึงผู้สูงอายุ เข้าไปเชียร์ด้วยกันโดยมีสื่อกลางให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันเวลาและสถานที่ในการแข่งขันผ่านทางเพจเพสบุ๊ค Ultras Thailad ตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา จนเริ่มมีสมาชิกจนถึงปัจจุบันที่ชอบแนวทางนี้ร่วมเชียร์ในสนามกว่า 1,000 คนในบางแมทช์การแข่งขัน และมีผู้กดติดตามในเพจเฟสบุ๊คมากกว่า 30,000 คน ซึ่งเมื่อพิจารณาในภาพรวมของกลุ่มแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นกลุ่มที่สนับสนุนและให้กำลังใจทีมชาติไทยอย่างเหนียวแน่น ไม่ได้รวมตัวกันโดยมีเจตนาที่ไม่ดีต่อประเทศชาติแต่อย่างใด 2.อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาปฎิเสธไม่ได้ว่ามีคนในกลุ่มบางคนได้มีการใช้พลุแฟร์และควันสีในการร่วมเชียร์ด้วย ซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจทราบถึงการกระทำหรือห้ามปรามผู้ใดได้ โดยในการร่วมเชียร์กับทางกลุ่มข้าพเจ้าก็เป็นเพียงคนหนึ่งในการร่วมเชียร์ทีมชาติไทย ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้นำร้องเพลงเชียร์ของกลุ่มเท่านั้น ไม่เคยสนับสนุนให้ผู้ใดนำพลุแฟร์มาใช้ในการร่วมเชียร์ ทั้งยังเคยแจ้งเตือนแฟนบอลสมาชิกผ่านทางเฟสบุ๊คว่า "ทางกลุ่ม Ultras Thailand ไม่สนับสนุนการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดในราชอาณาจักรไทย" เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจให้ทุกๆคนที่มาร่วมเชียร์ในกลุ่มได้รับทราบ ซึ่งที่ผ่านมาข้าพเจ้าและทางกลุ่ม Ultras Thailand ได้ช่วยกันดูแลสอดส่องไม่ให้มีการจุดพบุแฟร์ในสนามอย่าวดีที่สุดแล้ว การที่มีบุคคลใดนำพลุแฟร์เข้าไปจุดในสนามราชมังคบกีฬาสถานในวันเกิดเหตุ ข้าพเจ้าและทางกลุ่มไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นหรือให้การสนับสนุนด้วย อีกทั้งยังไม่เคยมีเจตนาจะทำลายภาพบักษณ์หรือชื่อเสียงของประเทศชาติแต่อย่างใด จึงขอให้ทางตำรวจทำการสืบสวนหาบุคคลผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป"

ต่อมาเวลา 20.15 น.พ.ต.ท.นพพร ศรีสุชาติ รองผกก.สอบสวน สน.หัวหมาก เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการสอบปากคำกว่า 4 ชั่วโมง ผู้ต้องยังให้การภาคเสธโดยระบุว่าจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงอนุญาตให้ประกันตัวด้วยเงินสด 5 หมื่นบาท ซึ่งหลังจากทางพนักงานสอบสวนจะเรียกพยานบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าพยานที่จะเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมนั้นมีจำนวนกี่คน ขึ้นอยู่กับชุดสืบสวนที่มีการส่งข้อมูลมาให้ทางฝ่ายสอบสวนหลังจากนั้นก็จะทำการเรียกมาสอบสวนเป็นระยะๆ โดยการที่พนักงานสอบสวนอนุญาตให้นายประพจน์ประกันตัวนั้น ก็มีข้อบังคับว่าจะต้องมารายงานตัวอีกครั้งในช่วงระยะเวลา 1 เดือนหลังจากวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นาย ประพจน์ เดินทางออกจากห้องสอบสวนก็ได้รีบขึ้นรถยนต์ที่มีผู้มาจอดรอรับอยู่บริเวนลาดจอดรถหน้าสถานี โดยไม่ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์แต่อย่างใด

logoline