"ปานามา เปเปอร์ส" เอกสารลับฉาวโลก

เอกสารลับ "ปานามา เปเปอร์ส" เป็นตัวจุดชนวนให้ทั่วโลกหันมาตรวจสอบกิจกรรมการเงินออฟชอร์ของเหล่ามหาเศรษฐีและผู้ทรงอิทธิพลของโลก คนที่มีชื่อพัวพันต้องรีบยืนยันความบริสุทธิ์ มีแต่จีนที่จำกัดการเข้าถึง เพราะครอบครัวของผู้นำเข้าไปอยู่ในรายชื่อด้วย ขณะที่สื่อของทางการประนามว่า เป็นการมุ่งหวังโจมตีที่มีสหรัฐฯอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกับรัสเซียที่บอกว่า ซีไอเอมีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย โดยมีประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นเป้าหมายสูงสุด
เอกสารลับอื้อฉาวจำนวน 11.5 ล้านฉบับ ถูกเปิดโปงเมื่อเดือนพฤษภาคม โดยสมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ หรือ ICIJ ที่จับมือกับสื่อในหลายประเทศ โดยใช้เวลาหนึ่งปีเต็มไปในการสืบค้นบริษัทกฎหมายปานามา "มอสแส็ก ฟอนเซกา" ที่เชี่ยวชาญการจัดตั้งบริษัทบังหน้า ส่วนรายชื่อที่ถูกเปิดเผยมีตั้งแต่ผู้ใกล้ชิดประธานาธิบดี ปูติน, เครือญาติของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง, ผู้นำยูเครน, ผู้นำอาร์เจนตินา,กษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย, นายกรัฐมนตรีปากีสถาน, ลิโอเนล เมสซี ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังและเฉิน หลง หรือแจ็กกี้ ชาน ซูเปอร์สตาร์หนังแอ็คชั่น
เอกสารยังชี้ว่า บ่อยครั้งที่ธนาคาร บริษัทกฎหมาย และบริษัทออฟชอร์ ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ที่วางกรอบมาให้แน่ใจว่าลูกค้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย, การหลบเลี่ยงภาษี, หรือการทุจริตทางการเมือง // มอสแส็ก ฟอนเซกาเองก็ถูกสอบสวนในหลายประเทศ รวมทั้งเยอรมนี บราซิล ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ออสเตรีย สวีเดน เนเธอร์แลนด์และสหรัฐฯ มอสแส็ก ฟอนเซกา ทำหน้าที่ก่อตั้งบริษัทออฟชอร์กว่า 240,000 แห่ง ให้ลูกค้าทั่วโลก โดยได้รับความช่วยเหลือจากธนาคารกว่า 500 แห่ง นับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 แต่ยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ทั้งยังตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัว และรายงานของสื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัท สถาบันการเงิน Credit Swiss และ HSBC สองผู้จัดการทรัพย์สินรายใหญ่สุดของโลก ต่างปฏิเสธว่า ไม่ได้ใช้โครงสร้างธุรกิจออฟชอร์ช่วยลูกค้าโกงภาษี แต่รายงานการสืบสวนของ ICIJ พบว่า ทั้งสองแห่งอยู่ในรายชื่อธนาคารที่ช่วยจัดทำโครงสร้างซับซ้อนที่สร้างปัญหาแก่สรรพากรและเจ้าหน้าที่สอบสวน ในการติดตามการยักย้ายถ่ายเทเงินจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ปานามา เปเปอร์ส รั่วไหลออกมาจากหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยนาม และไปตกในมือของหนังสือพิมพ์ซุดดอยช์ เซตุง ของเยอรมนี และ ICIJ นำไปแบ่งปันกับกลุ่มสื่ออีกกว่า 100 กลุ่ม และมีการทะยอยปล่อยข้อมูลออกมาเรื่อยๆ
การทำธุรกิจหรือเปิดบัญชีในต่างประเทศ ที่เรียกกันว่า ออฟชอร์ ไม่ถือว่าผิดกฎหมายในประเทศต่างๆ แต่จะผิดก็ต่อเมื่อถูกใช้เป็นช่องทางซ่อนทรัพย์สินจากสรรพากร เพื่อเลี่ยงภาษี ฟอกเงินที่ได้จากอาชญากรรม หรือปิดบังทรัพย์สินที่ได้มาโดยมิชอบ หรือ เป็นผลพวงจากความไม่ชอบมาพากลทางการเมือง