"สมยศ" แจงเหตุพลุแฟร์ เข้าสนาม มีคนนำเชือกหย่อนหลังอัฒจันทร์ เล็งปิดราชมังฯ โซนเอส

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมสโมสรตำรวจ ได้มีการประชุมสภากรรมการ โดยมี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เป็นประธาน โดยประเด็นหารือที่น่าสนใจ เป็นในเรื่องกรณีที่แฟนบอลจุดพลุแฟร์ ระหว่างเกมการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ นัดชิงฯระหว่างทีมชาติไทย กับ อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา จนอาจส่งผลให้ทางสมาคมฯถูกทางฟีฟ่า ปรับเงินเบื้องต้นเป็นจำนวน 2 หมื่นฟรังส์สวิส หรือประมาณ 7 แสนบาท ทำให้ทางสมาคมฯ ได้ออกมาประณามการกระทำของกลุ่มแฟนบอลดังกล่าวไปแล้วนั้น
โดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้พูดถึงเรื่องนี้ ว่า จากที่ได้มีประกาศจากสมาคมฯถึงการประณาม การกระทำของกลุ่มแฟนบอลกลุ่มหนึ่ง และได้มีการประสานไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดี เพื่อร่วมกันหาตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้
ส่วนในเรื่องการลักลอบนำพลุแฟร์เข้าไปนั้น จากการสอบถามจากแฟนบอลที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า แฟนบอลกลุ่มนั้นได้เข้าไปตัวเปล่า และได้นำเชือกหย่อนลงมาด้านหลังอัฒจันทร์ เพื่อร้อยพลุแฟร์ขึ้นไป จึงทำให้เล็ดลอดการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ ขณะที่มีหลายกระแสวิจารณ์ ว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่เข้าไปจับกุมในขณะที่ก่อเหตุ เนื่องจากการประเมิณตามสถานการณ์ ของเจ้าหน้าที่มองว่า หากเจ้าไปจับกุมแฟนบอลคนใดคนหนึ่งในจำนวนคนหลายร้อยคนในบริเวณนั้น อาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันรุนแรง จนอาจส่งผลให้ต้องยุติการแข่งขัน ซึ่งข้อนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากกับวงการฟุตบอลไทย ถึงกระทั่งโดนแบนห้ามแข่งในบ้าน
ส่วนมาตรการป้องกันหลังจากนี้ ทางสมาคมฯ อาจจะปิดห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมในโซนอัฒจันทร์ฝั่งทิศใต้ หรือสมาคมฯจะซื้อบัตรในโซนนั้นทั้งหมดไปแจกให้กับเยาวชน และผู้ด้อยโอกาส ให้ได้เข้าชมเกมแทน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการกระทำที่ไม่สมควรของกลุ่มแฟนบอลดังกล่าว