ศึกรถฟอร์มูล่า วัน ชิงแชมป์โลก สนามสุดท้ายของปี รายการ อาบู ดาบี กรังด์ปรีซ์ ที่ สนาม ยาส มารินา เซอร์กิต ระยะทางต่อรอบ 5.554 กม. เมือง อาบู ดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ตัดสินหาแชมป์โลกระหว่าง รอสเบิร์ก กับ แฮมิลตัน 2 นักซิ่งค่าย เมอร์เซเดส เอเอ็มจี ที่มีช่องว่างห่างกันแค่ 12 แต้ม
สิ้นสัญญาณไฟ แฮมิลตัน กับ รอสเบิร์ก ออกสตาร์ทแบบวัน-ทู ตามมาไม่มีเปลี่ยน ขณะที่ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน จาก เรด บูลล์ เริ่มต้นแวบเดียวก็พลาดรถหมุนติ้วต้องไปวิ่งไล่จากท้าย ด้าน เจนสัน บัตตัน นักซิ่งจาก แม็คลาเรน-ฮอนด้า รถพังระหว่างทาง อำลาสนามสุดท้ายในอาชีพแบบไม่สวยนัก มาถึงรอบท้าย แฮมิลตัน พยายามทิ้งห่าง รอสเบิร์ก ให้สู้กับ เซบาสเตียน เวทเทล จาก เฟอร์รารี่ ซึ่งไล่กดดันจากที่ 3 แต่สุดท้ายไม่เป็นผลเมื่อ แฮมิลตัน เข้าเส้นชัยคันแรก เวลา 1 ชั่วโมง 38 นาที 04.013 วินาที ตามด้วย รอสเบิร์ก อันดับ 2 และ เวทเทล เข้าอันดับ 3 แม้จะเป็นแชมป์สนามแต่ แฮมิลตัน ก็ไม่อาจป้องกันแชมป์โลกได้เนื่องจากคะแนนสะสม มี 380 คะแนน มีไม่พอแซง รอสเบิร์ก ซึ่งเข้าอันดับ 2 และถูกรอสเบิร์กเฉือนไป 5 คะแนน ส่งให้นิโก้ รอสเบิร์ก ครอบครองแชมป์โลกเป็นสมัยแรกในชีวิต ตามรอยพ่อของเขา กิเก้ รอสเบิร์ก ที่เคยทำไว้เมื่อปี 1982 และถือเป็นพ่อ-ลูก คู่ที่สองในวงการรถสูตรหนึ่งที่ต่างครองแชมป์โลกได้ทั้งคู่ ถัดจาก เกรแฮม และ เดมอน ฮิลล์ ที่เคยทำได้เมื่อปี 1962, 1968 และปี 1996