svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

นโยบายทรัมป์ เขย่าตลาดการเงินทั่วโลก!

14 พฤศจิกายน 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Top 5 ข่าวการเงินโลก ประจำวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2559 โดย วัชรา จรูญสันติกุล บก.อาวุโส เครือเนชั่น

Roundup Top5 ข่าวการเงินโลก 14 พ.ย. 59ความท้าทายในนโยบายของทรัมป์กำลังเขย่าตลาดการเงินทั่วโลกอย่างรุนแรง เพียง 3 วันหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มีเม็ดเงินไหลเข้าหุ้นสหรัฐสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์
1. เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วพลิกความคาดหมาย โดยดัชนีเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับ 99 ส่งผลให้สกุลเงินทั่วโลกร่วงลงหนักทั้งเงินยูโรที่อ่อนค่าลง 2.6% แตะ 1.08 ดอลลาร์ต่อยูโร สวนทางเงินปอนด์อังกฤษที่แข็งค่าขึ้น 3% แตะ 1.26 ดอลลาร์ ส่วนเงินเยนได้ร่วงลง 2.7% สู่ 106.68 เยนต่อดอลลาร์ และเงินหยวนที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วอีกครั้งที่ 6.83 หยวนต่อดอลลาร์
แม้แต่สกุลเงินประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่อ่อนค่าลงเฉลี่ย 2.8% ทั้งรูเบิลรัสเซีย บราซิลเรียล แรนด์อาฟริกาใต้ อาร์เเจนตินาเปโซ รูเเปียะห์อินโดนีเชีย ร่วงลง 3% ขณะที่เงินบาทก็อ่อนค่าลงเกือบ 50 สตางค์ หรือ 1.4% แตะ 35.39 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ช่วงเวลานี้สกุลเงินที่ย่ำแย่ที่สุดคงจะเป็นเม็กซิกันเปโซดิ่งลง 15%
การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ส่งผลให้เกิดการไหลออกของกระแสเงินทุน โดยเฉพาะไหลออกจากประเทศในตลาดเกิดใหม่อย่างมาก โดยไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นสหรัฐเป็นหลัก อีหทั้งยังจะส่งผลต่อความเสี่ยงค่าเงินที่จะอ่อนตัวลงอีกในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่


2. ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกได้รับผลเชิงบวกมีกระแสเงินทุนไหลเข้าจำนวนมหาศาลหนุนให้มูลค่าราคาตามตลาด หรือมาร์เก็ตแค็ปพุ่งขึ้นมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปโดยโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะได้เป็นปธน.สหรัฐคนที่ 45 โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นทั้ง 3 ตลาด ซึ่งดัชนีดาวโจนส์พุ่งทำสถิติใหม่ปิดเมื่อวันศุกร์ที่ 18,847 เพียงเวลา 3 วัน โดยพลิกความคาดหมายจากอาการตื่นตระหนกของนักลงทุนเทขายหุ้นตลาดล่วงหน้าอย่างหนักในวันเลือกตั้ง 8 พ.ย. จนทำให้ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สดิ่งลงกว่า 800 จุด หรือลบ 4% ในวันนั้น

3.ในส่วนตลาดบอนด์ทั่วโลกมีการตื่นเทขายดันผลตอบแทนพุ่งหลังจากคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะปรับตัวสูงขึ้นจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะหันมาใช้จ่ายเงินผ่านนโยบายการคลังและงบประมาณ จะผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยขยับสูงขึ้นอนาคต จากรายงานของบลูมเบิร์กคาดการตลาดบอนด์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ต้องสูญเสียมูลค่าไปกว่า 2% โดยเฉพาะเจพี มอร์แกน คาดมูลค่าซื้อขายบอนด์สูญหายไปถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้มูบค่าซื้อขายในตลาดบอนด์ลดลงจากปริมาณ 54.2 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือ 53 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันโดยเฉพาะตลาดบอนด์สหรัฐมีการไหลออกของเม็ดเงินกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์ไปเข้าสู่ตลาดหุ้นแทนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเทขายในตลาดบอนด์โลกส่งผลให้ราคาบอนด์ร่วงลง ตรงกันข้ามกับผลตอบแทน หรือ yields ที่พุ่งสูงขึ้น โดยที่ yields ของบอนด์อายุ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐ พุ่งขึ้นจาก 1.83% เป็น 2.15% หลังการเลือกตั้ง ขณะที่บอนด์ระยะยาวอายุ 30 ปีค่อยๆ ไต่ขึ้นที่ 2.94%

4.ทองคำถูกทุบโดยมือดีดิ่งลงแตะ 1,224 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ร่วงลงกว่า 42 ดอลลาร์ หรือลบมากกว่า 3% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นั่นเป็นระดับราคาที่ต่ำสุดในรอบ 5 เดือนราคาทองคำในตลาดล่วงหน้า หรือ Comex พุ่งขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,335 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 9 พ.ย. ซึ่งพุ่งขึ้นมากกว่า 5% จากช่วงก่อนเลือกตั้งปธน.สหรัฐ เพราความเชื่อที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการจะเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ จากสถานะที่พิมพ์ออกมาใช้จ่ายหมุนเวียนได้เสรีอย่างไม่จำเป็นต้องมีทุนสำรองของประเทศหนุนหลัง กลับมาให้เงินดอลลาร์อ้างอิงกับมาตรฐานทองคำ แต่ทรัมป์เคยให้สัมภาษณ์และยอมรับว่ามีปัญหาที่ติดขัดตรงที่เวลานี้สหรัฐไม่มีทองคำอยู่เลย ทำให้เกิดเป็นข้อจำกัดในการอ้างอิงค่าเงินดอลลาร์กับมาตรฐานทองคำในที่สุด
หลังจากนั้นพบว่า ราคาทองในตลาดล่วงหน้า Comex ได้ดิ่งลงลึกถึง 111 ดอลลาร์หรือดิ่งลงถึง 8% ในช่วง 2 วันถัดมาระหว่างวันพฤพัสฯและศุกร์ จากการเทขายทองของนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากถึง 85,000 สัญญา เป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์

5.ความผันผวนอย่างฉับพลันที่เกิดขึ้นกับตลาดการเงินทั่วโลกในขณะนี้นั้น เป็นความหวาดหวั่นเนื่องจากความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการจะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐเติบโตตามแผน 10 ปีของเขา ให้สามารถเติบโตได้ปีละ 2.5% จากที่ยังเปราะบางและเติบโตปีละไม่ถึง 2% ในปัจจุบัน
โดยตั้งเป้าว่าใช้จ่ายเงินงบประมาณที่ขาดดุลสูงถึง 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือขาดดุลงบประมาณปีละ 5.3 แสนล้านดอลลาร์นั้น พร้อมกับการลดภาษีในประเทศที่จะทำให้รัฐขาดรายได้ถึง 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องกู้เพิ่มด้วยนั้น ทำให้รัฐบาลไม่อาจจะหลีกเลี่ยงที่ต้องประสบกับปัญหาเงินเฟ้อ และยังรวมถึงความเสี่ยงดอกเบี้ยที่อาจจะต้องปรับสูงในระยะต่อไป
ทำให้ต้องจับตาการเคลื่อนย้ายของกระแสเงินทุนในตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงของเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่องและรุนแรงถึงขั้นไหน รวมทั้งอาการตื่นตกใจของนักลงทุนที่แขวนอยู่อย่างเปราะบาง

logoline