การแข่งขันรายการบราซิลเลียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนาม ออโตโดรโม โฆเซ คาร์ลอส ปาเซ ที่ประเทศบราซิล จะมีขึ้นในวันที่ 11-13 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นสนามรองสุดท้ายของฤดูกาล
โดยในตอนนี้ รอสเบิร์ก แห่งทีมเมอร์เซเดส เอเอ็มจี มีคะแนนนำ ลูอิส แฮมิลตัน จากสหราชอาณาจักร เพื่อนร่วมทีม ซึ่เป็นแชมป์โลก 3 สมัย อยู่ 19 คะแนน คือรอสเบิร์กมี 349 คะแนน ส่วนแฮมิลตันมี 330 คะแนน
อย่างไรก็ตาม หากรอสเบิร์ก ซึ่งคว้าแชมป์ที่บราซิลมาแล้ว 2 สมัย หากเขาคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 3 ก็จะมีคะแนนสะสมพอที่จะคว้าแชมป์โลกในฤดูกาลนี้ และเป็นสมัยแรกของตนเอง โดยไม่ต้องไปยื้อกันจนถึงสนามสุดท้ายที่ อาบู ดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเร็ตส์ ปลายเดือนพฤศจิกายน
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่เมืองเซาเปาโล รอสเบิร์ก วัย 31 ปี ไม่ยอมพูดถึงความเป็นไปได้ที่สถานการณ์ชิงแชมป์โลก จะยื้อไปถึงสนามสุดท้ายในรายการ อาดู ดาบี กรังด์ปรีซ์ เขาพูดเพียงแต่เรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยเข้ากันได้ของเขากับเพื่อนร่วมทีมอย่างแฮมิลตันว่า มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา แต่เราก็ยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน ซึ่งสามารถย้อนหลังกลับไปได้ถึง 13 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่เรายังแข่งรถโกคาร์ทกัน และในทุกวันนี้มันก็ยังเป็นอย่างนั้น
เมื่อถูกถามว่า การขับเคี่ยวของเขากับแฮมิลตัน เปรียบเทียบได้กับเมื่อสมัยก่อน ไอร์ตัน เซนน่า ยอดนักขับชาวบราซิล-ผู้ล่วงลับ ขับเคี่ยวกับเพื่อนร่วมทีมแม็คลาเรน คือ อแล็ง พรอสต์ แห่งฝรั่งเศส หรือไม่
รอสเบิร์กก็ตอบว่า เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก แต่สัญญาที่มีอยู่กับทีม จะทำให้มีการขับเคี่ยวที่ดุเดือดมากขึ้นในโรงรถของเมอร์เซเดส เพราะทั้งเขาและแฮมิลตัน ต่างก็เหลือสัญญากับเมอร์เซเดส คนละกว่า 2 ปี ดังนั้น อย่างน้อย 2 ปีที่เราทั้งคู่ต้องสู้กัน
- "ชาริล ชัปปุยส์" ติดเชื้อโควิด-19 แต่ไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาแล้ว
- "มาดามแป้ง" เข้ารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ว.บัณฑิตเอเซีย
- "ชนาธิป" ทำ 1 แอสซิสต์ พา "ซัปโปโร" ไล่เจ๊า "คาชิม่าฯ" 2-2